เสริมหน้าอกใต้กล้ามเนื้อ คืออะไร ?

เสริมหน้าอกใต้กล้ามเนื้อ คืออะไร

การเสริมหน้าอกใต้กล้ามเนื้อ (Submuscular) คือ เทคนิคการเสริมหน้าอกแบบหนึ่ง โดยแพทย์จะวางถุงซิลิโคนไว้ใต้กล้ามเนื้อหน้าอกใหญ่ (Pectoralis major muscle) ซึ่งต่างจากการเสริมหน้าอกแบบเหนือกล้ามเนื้อ (Subfascial) ที่วางซิลิโคนไว้ใต้ชั้นไขมันและพังผืด

ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติ เพราะกล้ามเนื้อหน้าอกจะช่วยปกปิดซิลิโคนไว้ มองไม่เห็นขอบซิลิโคน และเมื่อสัมผัสจะไม่คลำเจอขอบซิลิโคน กล้ามเนื้อหน้าอกจะช่วยลดแรงเสียดทานระหว่างถุงซิลิโคนกับเนื้อเยื่อรอบข้าง ช่วยลดโอกาสการเกิดพังผืดรัดหน้าอกที่ทำให้หน้าอกแข็ง กล้ามเนื้อหน้าอกจะช่วยลดแรงเสียดทานระหว่างถุงซิลิโคนกับเนื้อเยื่อรอบข้าง ช่วยลดโอกาสการเกิดพังผืดรัดหน้าอกที่ทำให้หน้าอกแข็ง

ไขข้อสงสัย เสริมหน้าอกใต้กล้ามเนื้อ ดียังไง

ไขข้อสงสัย เสริมหน้าอกใต้กล้ามเนื้อ ดียังไง

การเสริมหน้าอกใต้กล้ามเนื้อ (Submuscular) เป็นเทคนิคการเสริมหน้าอกที่วางซิลิโคนไว้ใต้กล้ามเนื้อหน้าอกใหญ่ (Pectoralis major muscle) ต่างกับการเสริมหน้าอกเหนือกล้ามเนื้อที่วางซิลิโคนไว้เหนือกล้ามเนื้อหน้าอก โดยมีข้อดีแตกต่างกันดังนี้

ดูเป็นธรรมชาติ

การวางซิลิโคนใต้กล้ามเนื้อช่วยให้หน้าอกดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น เนื่องจากกล้ามเนื้อช่วยปกปิดขอบของซิลิโคน ไม่ให้เห็นเป็นขอบหรือรอยนูน

ลดความเสี่ยงการเกิดพังผืด

การเสริมหน้าอกใต้กล้ามเนื้อช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดพังผืด (capsular contracture) ซึ่งเป็นภาวะที่เนื้อเยื่อรอบๆ ซิลิโคนเกิดการหดตัวและแข็งตัว ทำให้หน้าอกดูผิดรูปและรู้สึกเจ็บ

การคลำเจอเนื้องอก

การวางซิลิโคนใต้กล้ามเนื้อทำให้ง่ายต่อการตรวจหาก้อนเนื้อหรือเนื้องอกในอนาคต เนื่องจากซิลิโคนอยู่ใต้กล้ามเนื้อไม่ทับซ้อนกับเนื้อเยื่อเต้านม

ความเสี่ยงในการผ่าตัดซ้ำน้อยลง

การวางซิลิโคนใต้กล้ามเนื้อช่วยลดโอกาสที่ซิลิโคนจะเคลื่อนที่หรือผิดตำแหน่งเมื่อเวลาผ่านไป

เทคนิคศัลยกรรมเสริมหน้าอกใต้กล้ามเนื้อ ต่างจากเทคนิคอื่นอย่างไร

เทคนิคศัลยกรรมเสริมหน้าอกใต้กล้ามเนื้อ ต่างจากเทคนิคอื่นอย่างไร

เทคนิคการศัลยกรรมเสริมหน้าอกจะแบ่งออกเป็น 3 เทคนิคดังนี้

การเสริมหน้าอกเหนือกล้ามเนื้อ (Subglandular Plane)

การเสริมหน้าอกเหนือกล้ามเนื้อ (Subglandular Plane) เป็นเทคนิคการเสริมหน้าอกแบบหนึ่งที่แพทย์จะวางซิลิโคนไว้เหนือกล้ามเนื้อหน้าอก โดยวางซิลิโคนระหว่างชั้นของเนื้อหน้าอกและกล้ามเนื้อ เทคนิคนี้เหมาะกับผู้ที่มีเนื้อหน้าอกหรือไขมันหน้าอกอยู่บ้าง เพราะกล้ามเนื้อหน้าอกจะช่วยยึดเกาะซิลิโคนได้ดี

การเสริมหน้าอกใต้กล้ามเนื้อ (Submuscular Plane)

การเสริมหน้าอกใต้กล้ามเนื้อ เป็นเทคนิคการเสริมหน้าอกแบบหนึ่งที่ได้รับความนิยม โดยแพทย์จะทำการวางถุงซิลิโคนไว้ใต้กล้ามเนื้อหน้าอกมัดใหญ่ การวางถุงซิลิโคนไว้ใต้กล้ามเนื้อจะช่วยลดแรงกดต่อต่อมน้ำนมและผิวหนัง ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของการเกิดพังผืดรัดหน้าอก

การเสริมหน้าอกกึ่งเหนือกล้ามเนื้อ (Dual Plane)

เป็นเทคนิคการเสริมหน้าอกแบบผสมผสานระหว่างการเสริมหน้าอกใต้กล้ามเนื้อ (Submuscular Plane) และการเสริมหน้าอกเหนือกล้ามเนื้อ (Subglandular Plane) โดยแพทย์จะวางถุงซิลิโคนส่วนบนไว้ใต้กล้ามเนื้อหน้าอก และวางถุงซิลิโคนส่วนล่างไว้เหนือต่อมน้ำนม เทคนิคนี้เหมาะสำหรับผู้ที่มีเนื้อหน้าอกน้อย ผิวบาง ต้องการผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ

ซิลิโคนที่เลือกใช้กับเสริมหน้าอกใต้กล้ามเนื้อ

ซิลิโคนที่เลือกใช้กับเสริมหน้าอกใต้กล้ามเนื้อ

สำหรับการเสริมหน้าอกใต้กล้ามเนื้อ ไม่มี ประเภทของซิลิโคนที่ “เฉพาะเจาะจง” ที่ต้องใช้ แพทย์จะเลือกชนิดของซิลิโคนที่เหมาะสมกับความต้องการของแต่ละบุคคล โดยพิจารณาจากปัจจัยต่างๆ ดังนี้

รูปทรง

ซิลิโคนมีรูปทรงหลายแบบ กลม หยดน้ำ หรือแบบธรรมชาติ ซึ่งสามารถเลือกได้ตามความต้องการของแต่ละบุคคล

ขนาดของซิลิโคน

แพทย์จะวัดขนาดหน้าอกของคุณและประเมินเนื้อเยื่อหน้าอกเดิมที่มีอยู่ เพื่อเลือกขนาดซิลิโคนที่เหมาะสม

ผิวสัมผัส

ซิลิโคนมีผิวสัมผัสแบบเรียบ หรือแบบมีผิวทราย ผิวสัมผัสแบบมีผิวทรายช่วยลดการเคลื่อนตัวของซิลิโคนและลดโอกาสเกิดพังผืด

ความยืดหยุ่น

ซิลิโคนมีทั้งแบบยืดหยุ่นได้ และแบบไม่ยืดหยุ่น ซิลิโคนที่ยืดหยุ่นได้จะเคลื่อนไหวไปพร้อมกับกล้ามเนื้อหน้าอกของแต่ละบุคคล

ทั้งนี้ แพทย์เฉพาะทางด้านการศัลยกรรมเสริมหน้าอก จะสามารถให้คำแนะนำเกี่ยวกับประเภทของซิลิโคนที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล คุณควรปรึกษาแพทย์หลายๆ ท่านเพื่อเปรียบเทียบตัวเลือกและตัดสินใจเลือกสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับคุณ

ข้อดีข้อเสียเสริมหน้าอกใต้กล้ามเนื้อ

ข้อดีข้อเสียเสริมหน้าอกใต้กล้ามเนื้อ

ข้อดี

  • ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติ: กล้ามเนื้อหน้าอกจะช่วยปกปิดถุงซิลิโคน ทำให้มองไม่เห็นขอบซิลิโคน และเมื่อสัมผัสจะรู้สึกนิ่มเหมือนหน้าอกธรรมชาติ
  • โอกาสเกิดพังผืดรัดหน้าอกน้อย: กล้ามเนื้อหน้าอกจะช่วยลดแรงเสียดทานระหว่างถุงซิลิโคนกับเนื้อเยื่อรอบข้าง ช่วยลดโอกาสการเกิดพังผืดรัดหน้าอกที่ทำให้หน้าอกแข็ง
  • หน้าอกคงรูปได้นาน: กล้ามเนื้อหน้าอกจะช่วยยึดถุงซิลิโคนไว้กับตำแหน่ง ทำให้หน้าอกคงรูปได้นาน
  • เหมาะกับผู้ที่มีเนื้อหน้าอกน้อย: กล้ามเนื้อหน้าอกจะช่วยเสริมเนื้อหน้าอก ทำให้หน้าอกดูอวบอิ่มขึ้น เหมาะกับผู้ที่มีเนื้อหน้าอกน้อย

ข้อเสีย

  • ใช้เวลาผ่าตัดนานกว่า: การผ่าตัดใต้กล้ามเนื้อมีความซับซ้อนกว่าเหนือกล้ามเนื้อ ใช้เวลาผ่าตัดนานกว่า
  • อาจรู้สึกเจ็บหลังผ่าตัดมากกว่า: การผ่าตัดใต้กล้ามเนื้อต้องมีการผ่าตัดกล้ามเนื้อหน้าอก อาจรู้สึกเจ็บหลังผ่าตัดมากกว่า
  • อาจมีรอยแผลเป็นขนาดใหญ่: แผลผ่าตัดอยู่ใต้ราวนม มักมองไม่เห็น แต่รอยแผลเป็นอาจมีขนาดใหญ่กว่าการเสริมหน้าอกเหนือกล้ามเนื้อ

เสริมหน้าอกใต้กล้ามเนื้อ เลือกโรงพยาบาลศัลยกรรมอย่างไร

การเลือกโรงพยาบาลศัลยกรรมสำหรับการเสริมหน้าอกใต้กล้ามเนื้อเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องพิจารณาหลายปัจจัย เพื่อให้มั่นใจในความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่ดี โดยควรพิจารณาจากปัจจัยเหล่านี้

1.การรับรองและใบอนุญาต

ตรวจสอบว่าโรงพยาบาลมีใบอนุญาตและได้รับการรับรองจากกระทรวงสาธารณสุข หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโรงพยาบาลทางเว็บไซต์ของกระทรวงสาธารณสุข หรือองค์กรที่เกี่ยวข้อง

2.ประสบการณ์และความเชี่ยวชาญของศัลยแพทย์

เลือกศัลยแพทย์ที่มีประสบการณ์ในการเสริมหน้าอกโดยเฉพาะ พร้อมตรวจสอบประวัติและผลงานของศัลยแพทย์ รวมถึงรีวิวจากผู้ที่เคยเข้ารับการผ่าตัดมาก่อน เพื่อประกอบการตัดสินใจ

3. เทคโนโลยีและเครื่องมือที่ใช้

โรงพยาบาลควรมีอุปกรณ์และเครื่องมือที่ทันสมัยและได้มาตรฐาน เทคโนโลยีที่ใช้ในการผ่าตัดที่ทันสมัยจะช่วยลดความเสี่ยง และช่วยให้การผ่าตัดปลอดภัยมากยิ่งขึ้น

4. สภาพแวดล้อมและความสะอาด

โรงพยาบาลควรมีสภาพแวดล้อมที่สะอาดปลอดโปร่ง ควรมีมาตรการการควบคุมการติดเชื้อที่เข้มงวด

5. บริการและการดูแลหลังผ่าตัด

ตรวจสอบว่าโรงพยาบาลมีบริการการดูแลหลังผ่าตัดที่ดี รวมถึงการติดตามผลและการให้คำปรึกษาหลังการผ่าตัด การดูแลหลังผ่าตัดที่ดีจะช่วยให้การฟื้นตัวเป็นไปได้อย่างราบรื่น

เสริมหน้าอกใต้กล้ามเนื้อ พักฟื้นกี่วัน

การเสริมหน้าอกใต้กล้ามเนื้อเหมาะกับผู้ที่มีเนื้อหน้าอกน้อย ต้องการผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ ซึ่งมีระยะเวลาพักฟื้นที่นานกว่า การเสริมหน้าอกใต้กล้ามเนื้อก็มีความซับซ้อนมากกว่าการเสริมหน้าอกเหนือกล้ามเนื้อ แพทย์จึงต้องมีประสบการณ์เป็นพิเศษ

ทั้งนี้ ระยะเวลาพักฟื้นอาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ขึ้นอยู่กับสุขภาพร่างกาย แผล การดูแลตัวเอง และ ปัจจัยอื่นๆ ของแต่ละบุคคล ดังนั้นควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด เพื่อให้การผ่าตัดเป็นไปอย่างราบรื่น และผลลัพธ์เป็นที่น่าพอใจ

แชร์เลย: