ไขทุกข้อสงสัยเกี่ยวกับการฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม

การฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มช่วยให้ริ้วรอยตื่นลง ช่วยให้หน้าอ่อนกว่าวัย

เชื่อว่ายังมีคนไข้อีกหลายท่านที่ยังไม่ทราบข้อมูลเรื่องของฟิลเลอร์ร่องแก้มอย่างละเอียดถี่ถ้วน เพื่อไขข้อสงสัยเกี่ยวกับการฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มให้เข้าใจได้ง่าย เกี่ยวกับการฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มนั้นสามารถแก้ไขปัญหาริ้วรอยหรือปรับโครงหน้าได้จริงหรือไม่ วันนี้ผมจึงรวบรวมเนื้อหาที่มีประโยชน์มาไว้ในบทความนี้ให้คนไข้ได้อ่านเพื่อทำความเข้าใจนะครับ

ฟิลเลอร์ร่องแก้ม คืออะไร

ฟิลเลอร์ร่องแก้ม คืออะไร

ฟิลเลอร์ร่องแก้มคือ หัตถการที่จะฉีดสารเติมเต็มประเภท ไฮยาลูโรนิค แอซิด (Hyaluronic acid) เข้าไปใต้ชั้นผิวหนังบริเวณร่องแก้มครับ โดยฟิลเลอร์จะมีหน้าที่ช่วยกักเก็บน้ำไว้ในชั้นผิวหนัง และเติมเต็มในส่วนที่ยุบตัวลง สามารถช่วยปรับใบหน้าให้ดูอ่อนเยาว์ สดใสไม่โทรมได้ครับ 

นอกจากนี้ยังมีปัจจัยที่สำคัญสำหรับคนไข้ เพราะหลังจากฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มเสร็จแล้วจะสามารถเห็นการเปลี่ยนแปลงได้ทันทีครับ อีกทั้งยังไม่ต้องเสียเวลาในการพักฟื้น ซึ่งฟิลเลอร์แท้จะสามารถสลายไปได้เองตามธรรมชาติ จึงมีความปลอดภัยสูงนั่นเองครับ ถึงอย่างไรก็ควรทำภายใต้การดูแลของแพทย์ที่มีประสบการณ์ อย่างน้อย 5-10 ปีนะครับ

ดังนั้นร่องแก้มจึงถือเป็นตำแหน่งที่บ่งบอกเรื่องอายุของหนุ่มสาวได้อย่างชัดเจน เนื่องจากการยุบตัวของกระดูก รวมถึงปัญหาต่าง ๆ อีกมากมายก็สามารถเป็นสาเหตุได้เช่นกัน แถมร่องแก้มนั้นยังเป็นบริเวณที่แก้ไขได้ยาก แพทย์ส่วนใหญ่จึงแนะนำให้ฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มเพื่อเติมเต็ม และแก้ไขปัญหาดังกล่าวนั่นเองครับ

สาเหตุที่ควรฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มคืออายุที่มากขึ้น การเปลี่ยนแปลงของโครงหน้า น้ำหนักที่เพิ่มมากขึ้น ริ้วรอยที่มาจากการยิ้มมากเกินไป

สาเหตุที่ควรฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม

สาเหตุที่คนไข้ควรฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มนั้น สามารถเกิดได้จากหลาย ๆ ปัจจัยครับ แต่สาเหตุหลัก ๆ  คือเกิดจากการยุบตัวของกระดูกบริเวณร่องแก้มของคนไข้ครับ ซึ่งรอยอาจยังดูไม่ลึกมาก แต่สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน และอีกหนึ่งสาเหตุสำคัญคือเกิดจากการยุบตัวของกระดูกบริเวณใต้ตา หรือเส้นเอ็นรอบดวงตา (Retaining ligament ) นอกจากนี้ปัญหาริ้วรอยร่องแก้มหรือร่องแก้มลึกยังสามารถเกิดจากสาเหตุอื่น ๆ ได้อีกครับเช่น

  • อายุที่เพิ่มมากขึ้น สามารถทำให้คอลลาเจน และอีลาสตินที่อยู่ใต้ผิวหนังเกิดเสื่อมประสิทธิภาพลงได้ครับ
  • กระดูกโครงหน้ายุบตัว อาจเกิดจากกระดูกมีการยุบตัวลง ส่งผลทำให้แก้มตอบ แก้มแบน และไม่มีมิติ  จึงทำให้เห็นร่องแก้มชัดนั่นเองครับ
  • น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากคนที่น้ำหนักเยอะ จะมีชั้นไขมันที่ห้อยลงมาปิดแก้มได้ ซึ่งจะทำให้เห็นร่องแก้มดูชัดขึ้นได้นั่นเองครับ
  • การแสดงสีหน้า เช่น การยิ้มบ่อย ๆ จะส่งผลทำให้กล้ามเนื้อที่ดึงร่องแก้ม มีความแข็งแรงเกินไป จนทำให้เกิดร่องมุมปากลึก เห็นเป็นริ้วรอยบริเวณร่องแก้มได้ครับ
  • พฤติกรรมส่วนบุคคล เช่น การสูบบุหรี่ ,ภาวะความเครียดสะสม หรือการนอนตะแคงข้างใดข้างหนึ่งเป็นเวลานาน ๆ  สามารถก่อให้เกิดใบหน้าหย่อนคล้อย และร่องแก้มลึกได้ครับ
  • ปัจจัยอื่น ๆ เช่น การเผชิญหน้ากับแสงแดดโดยตรง และมลภาวะทางอากาศ ก็สามารถส่งผลให้ชั้นผิวบางลง จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดริ้วรอยได้ง่ายนั่นเองครับ
ผลลัพธ์จากการฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มทำให้หน้าดูอ่อนวัยลง ผิวหน้าดูเรียบเนียน

ผลลัพธ์จากการฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มมีอะไรบ้าง

การฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม สามารถช่วยทำให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ลงได้ครับ ซึ่งคนไข้จะเห็นความเปลี่ยนแปลงได้ทันที โดยการฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มนั้นถูกจัดอยู่ในวิธีการแก้ปัญหาที่นิยม และแพทย์ส่วนมากแนะนำครับ แต่ผลลัพธ์หลังจากฉีดฟิลเลอร์ยังมีข้อดีอีกหลายอย่าง มีอะไรบ้างไปดูกันครับ

  • สามารถช่วยชะลอวัย และใบหน้าให้ดูเด็กลงได้ทันทีหลังฉีด
  • ช่วยยกกระชับใบหน้าของคนไข้ จากร่องแก้มที่ดูลึกเห็นได้ชัดให้เรียบเนียนขึ้น
  • เนื่องจากผิวบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์จะมีความชุ่มชื้นสูง จึงสามารถกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนได้ครับ
  • ช่วยลดริ้วรอยเล็ก ๆ หรือรอยหย่อนบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ให้กลับมาเต่งตึง เรียบเนียนได้ครับ
  • คนไข้สามารถเห็นการเปลี่ยนแปลงได้ทันทีหลังฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม และจะยิ่งเห็นผลลัพธ์ได้ดีขึ้นหลังผ่านไปประมาณ 1 สัปดาห์ครับ
  • คนไข้สามารถคลายความกังวลต่าง ๆ เกี่ยวกับฟิลเลอร์แท้ได้เลยครับ เนื่องจากฟิลเลอร์แท้นั้นได้รับการยอมรับจากแพทย์ทั่วโลก อีกทั้งยังสามารถสลายไปได้เองตามธรรมชาติ ไม่มีสารตกค้าง จึงมีความปลอดภัยสูงนั่นเองครับ
  • เนื่องจากหัตถการฟิลเลอร์เป็นการฉีดสารเติมเต็มประเภท ไฮยาลูโรนิค แอซิด จึงทำให้คนไข้ไม่จำเป็นต้องพักฟื้นหลังทำ รวมถึงไม่มีแผล และรอยแผลเป็นแน่นอนครับ
ฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มที่โรงพยาบาลมาสเตอร์พีชดีที่เป็นสถานพยาบาลที่ผ่านมาตรฐานกระทรวง แพทย์มีประสบการณ์ และฟิลเลอร์ที่ใช้มีคุณภาพ

ฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มที่โรงพยาบาลมาสเตอร์พีชดีอย่างไร

การฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม นอกจากคนไข้ต้องเลือกสถานพยาบาลที่ได้มาตรฐาน แพทย์ก็จำเป็นต้องมีประสบการณ์ สามารถวิเคราะห์ได้ถึงสาเหตุของปัญหา และเลือกฟิลเลอร์ที่เหมาะสม รวมถึงใช้เทคนิคการฉีดที่ถูกต้องสำหรับคนไข้ได้ด้วยครับ ซึ่งสถานพยาบาลที่ได้มาตรฐาน ดูจากปัจจัยต่าง ๆ ได้ดังต่อไปนี้ครับ

  • สถานพยาบาลเปิดอย่างถูกต้อง

การตัดสินใจเลือกสถานพยาบาล นั้นต้องดูจากสถานพยาบาลดังกล่าว ได้รับใบอนุญาตให้เปิดกิจการจากกระทรวงสาธารณสุขอย่างถูกต้องตามกฎหมาย และแสดงเลขที่อย่างชัดเจน รวมถึงสถานพยาบาลควรมีความสะอาด ดูปลอดโปร่ง และมีความน่าเชื่อถือปลอดภัยสำหรับผู้มาใช้บริการครับ ซึ่งทางโรงพยาบาลมาสเตอร์พีชของเรานั้น มีครบตามเงื่อนไขสำหรับการเช็กตรวจสอบทุกประการ จึงเหมาะสำหรับเข้าใช้บริการอย่างมากนั่นเองครับ

  • แพทย์มีประสบการณ์

โดยทีมแพทย์ของโรงพยาบาลมาสเตอร์พีช ที่อยู่ในหัตถการฟิลเลอร์ส่วนมากจะศึกษาเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง และอบรมความรู้ใหม่อยู่เสมอ เนื่องจากการฉีดฟิลเลอร์ต้องอาศัยความถนัด และประสบการณ์ ต้องมีทั้งศาสตร์ และศิลป์ในการปรับแก้ไขหรือออกแบบใบหน้าให้คนไข้ ได้สวยงามอย่างธรรมชาติ จนเป็นที่พึงพอใจมากที่สุดสำหรับผู้ใช้บริการทุกคนนั่นเองครับ

  • รีวิว & ฟิลเลอร์

การรีวิวจากผู้เข้าใช้บริการจริง ดูจะมีความน่าเชื่อถือมากในปัจจุบัน โดยอาจเป็นรูปภาพหรือคลิปวิดีโอ ทั้งก่อล-หลังทำอย่างชัดเจน ทำให้คนไข้รายอื่นรู้สึกมั่นใจในสถานพยาบาลมากขึ้นได้ครับ ส่วนฟิลเลอร์ที่นำมาฉีดนั้น ต้องเป็นฟิลเลอร์แท้ที่ผ่านการรับรองจากคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เพราะหากเป็นฟิลเลอร์ปลอม อาจเสี่ยงหมดอายุได้ง่าย และไม่มีคุณภาพครับ ซึ่งทางโรงพยาบาลมาสเตอร์พีชสามารถตรวจสอบฟิลเลอร์ได้ว่าเป็นของแท้หรือไม่ก่อนฉีด อีกทั้งยังมีรีวิวที่มีความน่าเชื่อถือคนไข้ส่วนมากพึงพอใจ เพราะหลังจากฉีดจะเห็นความเปลี่ยนแปลงได้ทันทีครับ

ฉีดฟิลเลอร์ vs ฉีดไขมันต่างกันอย่างไร

ฉีดฟิลเลอร์ vs ฉีดไขมันต่างกันอย่างไร

ระหว่างการฉีดฟิลเลอร์กับการฉีดไขมันแตกต่างกันยังไง ผมเชื่อว่าต้องมีคนไข้กำลังสับสน และหนักใจว่าควรเลือกแบบไหนดีอยู่แน่นอนใช่มั้ยครับ ซึ่งจริง ๆ แล้วต้องพิจารณาจากหลาย ๆ ปัจจัยครับ โดยทั้งสองแบบมีความต่างกันอย่างไรไปดูกันได้เลยครับ

  • การฉีดฟิลเลอร์ 

จะเป็นการฉีดเติมเต็มสารบริเวณใบหน้าหรือส่วนที่ต้องการ ทำให้ดูมีมิติมากยิ่งขึ้น ซึ่งใกล้เคียงกับการฉีดไขมัน แต่จะมีความต่างกันตรงที่สารที่ใช้ฉีดจะไม่ใช่ไขมัน แต่เป็นสารประเภท กรดไฮยาลูโรนิค แอซิด(Hyaluronics acids) ซึ่งเป็นสารที่ปลอดภัย สามารถสลายเองได้ตามธรรมชาติ เมื่อดูดซึมเข้าสู่ร่างกายจะถูกระบายออกทางปัสสาวะ แต่สิ่งที่ควรระวังมากกว่าการเลือกฉีดฟิลเลอร์หรือไขมัน คือการตรวจสอบชื่อเสียง และความน่าเชื่อถือของสถานพยาบาลให้รอบคอบ และฟิลเลอร์ที่ใช้จะต้องไม่เป็นอันตรายต่อคนไข้ครับ

  • การฉีดไขมัน

การฉีดไขมันนั้น จะเป็นการนำไขมันที่อยู่ในร่างกายของคนไข้มาใช้ฉีดบริเวณที่ต้องการ ช่วยทำให้มีมิติมากยิ่งขึ้น ยกตัวอย่างง่าย ๆ นะครับเช่น คนไข้ที่มีใบหน้าตอบ ก็อยากให้หน้าตัวเองดูอวบอิ่มมากกว่าปกติ เพราะการที่หน้าตอบมากเกินไป จะทำให้ดูไม่มีแก้มเลย ทำให้ดูสุขภาพไม่ดี ไม่มีชีวิตชีวา ในขณะเดียวกันไขมันบริเวณหน้าท้อง หรือบริเวณส่วนอื่น ๆ ก็เป็นไขมันส่วนที่คนไข้อยากกำจัดออกไปอยู่แล้ว จึงสอดคล้องกันพอดี และในเมื่อทุกอย่างสัมพันธ์กันแบบนี้ การดูดไขมันจากบริเวณหน้าท้อง หรือต้นขาของคนไข้ที่ไม่ต้องการ แพทย์จะนำมาสกัดตามขั้นตอน จากนั้นจึงนำกลับมาฉีดเพิ่มมิติให้ใบหน้าอวบอิ่มมากขึ้นนั่นเองครับ โดยการฉีดไขมันจะนิยมนำมาฉีดบริเวณ แก้ม คาง หน้าผาก หรือด้านข้างของใบหน้า แต่จะไม่เหมาะสำหรับการฉีดในบางส่วนเช่นกัน เช่น ปาก จมูก ใต้ตา เป็นต้นครับ 

ดังนั้นขั้นตอนในการฉีดฟิลเลอร์ และการฉีดไขมันจึงมีความแตกต่างกันค่อนข้างมากครับ แต่จุดประสงค์หลักคือความสวยงามที่ดูเป็นธรรมชาติ ถึงอย่างไรทั้งสองวิธีนั้น ก็อาจเป็นความชอบส่วนบุคคลของคนไข้ด้วย หากคนไข้ท่านใดรู้สึกมีไขมันส่วนเกินในร่างกายมากเกินไปก็สามารถใช้วิธีการฉีดไขมันได้ แต่ถ้าหากไม่ติดขัดเรื่องไขมันส่วนเกิน ก็สามารถฉีดฟิลเลอร์แท้โดยแพทย์ผู้มีประสบการณ์ได้นั่นเองครับ

ฉีด ฟิลเลอร์ร่องแก้ม ใช้ยี่ห้อไหนดี

ฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มใช้ยี่ห้อไหนดี

ปกติแล้วฟิลเลอร์ที่แพทย์นำมาใช้ตามสถานพยาบาลต่าง ๆ จะเป็นฟิลเลอร์แท้ที่ผ่านการรับรองจากกระทรวงสาธารณสุขอยู่แล้วครับ แต่ว่าฟิลเลอร์ยี่ห้อไหนกันแน่ที่เหมาะสำหรับการฉีดบริเวณร่องแก้ม วันนี้ผมจะมาให้ข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับการเลือกยี่ห้อของฟิลเลอร์ และรุ่นต่าง ๆ นะครับ ว่าแบบไหนที่เหมาะกับการฉีดร่องแก้มได้ดังนี้เลยครับ 

  • Neuramis

ฟิลเลอร์ Neuramis (นิวรามิส) เป็นฟิลเลอร์ประเภท ไฮยาลูโรนิค แอซิด (Hyaluronic Acid)  ที่สามารถสลายได้เองตามธรรมชาติ ซึ่งผลิตจากประเทศเกาหลี และนำเข้าโดยบริษัท Medyceles ประเทศไทย เป็นฟิลเลอร์ที่เริ่มมีกระแสคนรู้จักในช่วง 1 – 2 ปีที่ผ่านมา และถูกถามถึงค่อนข้างมาก เนื่องจากเป็นฟิลเลอร์ที่มีราคาถูกเมื่อเทียบกับฟิลเลอร์แบรนด์ชั้นนำอื่น ๆ โดยมี 1 รุ่นที่ได้รับความนิยมนำมาฉีดบริเวณร่องแก้มก็คือ Neuramis Deep นั่นเองครับ 

  1. Neuramis Deep

Neuramis Deep เป็นรุ่นแรกที่เข้ามาในไทย และเป็นรุ่นเดียวในตอนนี้ที่ไม่มียาชาผสม เนื้อเจลมีลักษณะความแข็งปานกลาง อิ่มฟู สามารถฉีดเติมเต็มร่องแก้มได้ และอยู่ในร่างกายได้นานประมาณ 6 – 8 เดือนครับ

  • Restylane

ฟิลเลอร์ Restylane เป็นฟิลเลอร์อีกหนึ่งยี่ห้อที่ใช้สารเติมเต็มกลุ่ม ไฮยารูลอนิกแอซิด นำเข้าจากประเทศสวีเดน ซึ่งได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางจากแพทย์ทั่วโลก และผ่านการรับรองจาก FDA โดยมี 2 รุ่นที่สามารถนำมาฉีดบริเวณร่องแก้มได้ดังนี้ครับ 

  1. Restylane Volyme

Restylane Volyme เป็นฟิลเลอร์รุ่นที่มีส่วนผสมของยาชา เนื้อเจลมีลักษณะแข็งปานกลาง ออกแบบมาเพื่อเติมชั้นผิวบริเวณใบหน้าให้อิ่มฟูขึ้น ช่วยยกกระชับ ดูอ่อนเยาว์ ใช้สำหรับฉีดเติมเต็มส่วนที่โหลลึกหรือตอบ เช่น ร่องแก้ม หรือขมับ สามารถอยู่ในร่างกายได้นานกว่า 18 เดือนครับ 

  1. Restylane Refyne

Restylane Refyne เป็นฟิลเลอร์ที่มีส่วนผสมของยาชา เนื้อเจลมีลักษณะโมเลกุลเล็ก และมีความยืดหยุ่นที่ค่อนข้างสูง จึงเหมาะสำหรับคนไข้ที่มีผิวบาง เนื่องจากเนื้อเจลสามารถกลืนกับผิวได้ดีครับ ช่วยแก้ไขปัญหาริ้วรอย ที่เกิดจากการแสดงสีหน้า หรือยิ้มบ่อย ๆ ได้ครับ โดยฟิลเลอร์จะคงผลลัพธ์อยู่ในร่างกายได้นานถึง 8-12 เดือนครับ

  • Juvederm

ฟิลเลอร์ juvederm เป็นฟิลเลอร์ที่ถูกนำเข้ามาจากประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งได้รับความนิยมจากแพทย์ทั่วโลกในการนำมาใช้ปรับรูปหน้าของคนไข้ เป็นฟิลเลอร์กลุ่ม ไฮยาลูโรนิค แอซิด (Hyaluronic Acid) ที่มีคุณภาพมาตรฐาน ผ่านการรับรองจาก US FDA และ อย. ประเทศไทยผลิตโดยบริษัท Allergan โดยมี 2 รุ่นที่เหมาะสำหรับการฉีดร่องแก้มดังนี้ครับ 

  1. Juvederm Volift

Juvederm Volift เป็นฟิลเลอร์ที่มีลักษณะเนื้อเจลนิ่ม เหมาะกับคนไข้ที่ผิวบอบบาง ซึ่งนิยมนำมาฉีดบริเวณใต้ตา ร่องแก้ม ร่องมุมปาก ที่ไม่ลึกมาก โดยสามารถเก็บรายละเอียดร่องแก้มชั้นตื้นได้ดี หลังฉีดสามารถสลายไปได้เองตามธรรมชาติ และคงผลลัพธ์อยู่ในร่างกายได้นานประมาณ 12 เดือนครับ

  1. Juvederm Voluma

uvederm Voluma เป็นฟิลเลอร์ที่มีลักษณะเนื้อเจลแข็ง และฟูปานกลางครับ ซึ่งเจลมีโมเลกุลขนาดใหญ่ จึงมีความยืดหยุ่นสูง เหมาะกับการแก้ไขบริเวณร่องแก้ม อีกทั้งยังสามารถใช้เติมคาง และขมับหรือส่วนอื่น ๆ ได้ตามเทคนิคของแพทย์ โดยหลังฉีดสามารถสลายไปได้เองตามธรรมชาติ และคงผลลัพธ์อยู่ในร่างกายได้นานประมาณ  1-2 ปีครับ

เพียงเท่านี้คนไข้ก็จะเห็นแล้วใช่มั้ยครับ ว่าฟิลเลอร์นั้นมีหลายยี่ห้อ และหลากหลายรุ่นที่แตกต่างกัน ที่สามารถนำมาฉีดบริเวณร่องแก้มได้ ถึงอย่างไรก็ควรเลือกสถานพยาบาล และแพทย์ที่มีประสบการณ์อย่างน้อย 5 -10 ปี เพื่อความสวยที่ดูเป็นธรรมชาติ และความปลอดภัยของคนไข้ทุกคนนะครับ

การเตรียมตัวก่อนฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มควรทำอย่างไร

การเตรียมตัวก่อนฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มควรทำอย่างไร

การเตรียมตัวก่อนฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มนั้น มีข้อปฏิบัติที่สำคัญอยู่นะครับ แต่อาจจะไม่วุ่นวายเหมือนหัตถการอื่น ๆ เนื่องจากเป็นหัตถการใช้เวลาในการรักษาที่ค่อนข้างรวดเร็วครับ โดยมีหัวข้ออะไรบ้างที่ควรปฏิบัติตามไปดูกันได้เลยครับ

  • แนะนำให้หลีกเลี่ยงอาหารเสริม หรือยาบางชนิดครับ เช่น  ยาแอสไพริน วิตามินอี และอาหารหมักดอง แต่ถ้าคนไข้มีการใช้ยาตัวใดเป็นประจำ ผมก็แนะนำให้แจ้งแพทย์ที่ทำการรักษาให้ทราบก่อนทุกครั้งนะครับ
  • แนะนำให้ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม รวมถึงยี่ห้อของฟิลเลอร์แท้ ว่าเป็นแบบใดเพื่อความปลอดภัยก่อนเข้ารับการรักษานะครับ
  • แนะนำให้เลือกสถานพยาบาลที่มีมาตรฐานหรือแพทย์มีประสบการณ์ และความน่าเชื่อถือ เหมาะสำหรับเข้าใช้บริการนะครับ
  • แนะนำให้ดูรีวิวจากคนไข้ที่มาใช้บริการฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มจากสถานพยาบาลดังกล่าวก่อนมาฉีดด้วยตัวเองครับ เพราะสามารถสร้างความมั่นใจรวมถึงความปลอดภัยให้กับคนไข้ทุกคนได้นั่นเองครับ
  • หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ หรือกิจกรรมที่ทำให้เลือดสูบฉีดก่อนเข้าฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม ประมาณ 24 ชม. เนื่องจากอาจทำให้เลือดไหลไม่หยุดขณะฉีดฟิลเลอร์นั่นเองครับ
ข้อควรปฏิบัติหลังฉีด ฟิลเลอร์ร่องแก้ม มีอะไรบ้าง

ข้อควรปฏิบัติหลังฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มมีอะไรบ้าง

ข้อควรปฏิบัติหลังจากฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม ถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างมากครับ เนื่องจากผลลัพธ์หลังการฉีดฟิลเลอร์จะเป็นคนไข้เองที่ต้องดูแลตัวเองต่อนะครับ โดยอยากให้ผลลัพธ์อยู่ได้ยาวนาน มากแค่ไหนขึ้นอยู่กับว่าคนไข้ปฏิบัติตามขั้นตอนอย่างครบถ้วนหรือไม่ โดยมีข้อปฏิบัติอย่างไรบ้างไปชมกันครับ 

  • ควรหลีกเลี่ยงการกด นวด บีบ แคะ แกะ เกา จับแรง ๆ หรือขยับหน้าบ่อย ๆ บริเวณที่คนไข้ฉีดฟิลเลอร์มานะครับ เนื่องจากอาจส่งผลทำให้ฟิลเลอร์เกิดผิดรูปได้ครับ
  • ควรงดกิจกรรมที่ทำให้เลือดของคนไข้สูบฉีดหรือร้อนเกินไป อย่างเช่น การไปอบซาวน่า การออกกำลังกายเป็นเวลานาน ๆ เพราะจะทำให้บริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์มานั้นเกิดการบวมหรืออักเสบได้ครับ 
  • การประคบเย็น หรืออยู่ในพื้นที่ ๆ อากาศเย็น จะสามารถช่วยทำให้บริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์มานั้นลดอาการบวมลงได้ครับ อีกทั้งยังทำให้ฟิลเลอร์เข้ารูปได้รวดเร็วขึ้นกว่าปกติครับ
  • แนะนำให้รับประทานยาตามแพทย์สั่งอย่างต่อเนื่องจนหมด เพื่อช่วยลดอาการบวมหรือปวดบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์มานะครับ 
  • งดการเลเซอร์ร้อนลงที่ชั้นผิวทุกชนิดอย่างน้อย 3 – 4 สัปดาห์ เพราะอาจส่งผลให้ฟิลเลอร์ที่ฉีดมานั้นละลาย จนทำให้บริเวณที่ฉีดมาผิดรูปได้นะครับ

หากคนไข้สามารถปฏิบัติตามคำแนะนำได้ทั้งหมด ผมเชื่อว่าจะส่งผลลัพธ์ที่พึงพอใจให้กับคนไข้อย่างแน่นอนครับ เพราะฟิลเลอร์นั้นหากดูแลรักษาอย่างถูกวิธีจะทำให้อยู่ได้นานขึ้น อีกทั้งฟิลเลอร์ที่มีความปลอดภัยจะสามารถสลายไปได้เองตามธรรมชาติ ส่งผลให้ใบหน้าของคนไข้หลังฉีดเข้ารูปได้ทันทีตั้งแต่ครั้งแรกที่ฉีดเลยครับ ถึงอย่างไรก็ตามการเลือกสถานพยาบาล และเลือกฉีดกับแพทย์ที่มีประสบการณ์สูงก็เป็นสิ่งที่สำคัญเช่นกันนะครับ จึงควรศึกษาข้อมูลให้ดีก่อนตัดสินใจด้วยนะครับ

การฉีดฟิลเลอร์ที่มากกเกินไปทำให้เป็นก้อน

ทำไมฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มแล้วถึงเป็นก้อน

ทำไมฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มแล้วถึงเป็นก้อน การตั้งคำถามกับความกังวลของคนไข้ที่กำลังสับสนอยู่ และไม่เข้าใจจริง ๆ ก็มีอยู่ไม่น้อยนะครับ ซึ่งไม่ใช้คนไข้ทุกคนจะโชคดี ได้ความสวยดังใจหวัง เพราะหากฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มในจำนวนที่มากเกินไป รวมถึงการฉีดด้วยเทคนิคที่ไม่ถูกต้อง อาจทำให้เป็นก้อนได้ ดังนั้นควรทำการฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม กับแพทย์ที่มีประสบการณ์เท่านั้นนะครับ 

ส่วนในกรณีที่ฉีดฟิลเลอร์ไปแล้วเป็นก่อนนั้นยังมีวิธีแก้ไขปัญหาดังกล่าวอยู่นะครับ โดยมีอยู่ทั้งหมด 3 ทางออกดังนี้ครับ

  • การฉีดสลายฟิลเลอร์

การแก้ปัญหาด้วยการฉีดสลายนั้นไม่ต่างจากการฉีดฟิลเลอร์แบบปกติเลยครับ ต่างกันแค่เพียงประเภทของสารที่นำมาใช้ โดยสารที่นำมาใช้ฉีดสลายฟิลเลอร์ที่เป็นก้อนนั้นคือ เอนไซม์ ไฮยาลูโรนิเดส ( Hyaluronidase :HYAL) ที่มีคุณสมบัติช่วยลดการอุ้มน้ำของฟิลเลอร์ และสลายการยึดเกี่ยวกับเซลล์ผิวบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ไปนั่นเองครับ 

  • การฉีดฟิลเลอร์ทับเข้าไป

การฉีดฟิลเลอร์ทับเข้าไปนั้น ส่วนมากวิธีนี้จะเหมาะกับคนไข้ที่ปัญหาฟิลเลอร์เป็นก้อนขนาดเล็กเท่านั้น หลังจากฉีดแก้ไขแล้ว บริเวณดังกล่าวอาจจะดูเรียบ แต่จะเห็นหลังจาก 2- 3 เดือนครับ ถึงอย่างไรก็อาจจะมีปัญหาฟิลเลอร์เป็นก้อนได้อีกครั้ง หากไม่ได้รับการแก้ไขโดยแพทย์ผู้มีประสบการณ์นะครับ

  • การผ่าตัดนำฟิลเลอร์ออก

ในการผ่าตัดนั้น เหมาะเฉพาะคนไข้ที่มีปัญหาฟิลเลอร์ที่เป็นก้อนขนาดใหญ่เท่านั้น เนื่องจากจะมีความแข็งมาก และไม่สามารถฉีดสลายได้ โดยเบื้องต้นทางแพทย์จะใช้วิธีการขูดฟิลเลอร์บริเวณที่ฉีดออก แต่ถ้าฟิลเลอร์มีก้อนขนาดใหญ่ และแข็งมาก ทางแพทย์อาจจะจำเป็นต้องทำการกรีดแผลและทำการผ่าตัดออกทั้งหมด เพราะหากปล่อยทิ้งไว้จะส่งผลในระยะยาวได้นั่นเองครับ

ฟิลเลอร์ร่องแก้ม หน้าจะบวมประมาณ 3 - 5 วัน ถ้าหากใช้ฟิลเลอร์ที่มีประสิทธิ์ภาพ ก็ไม่ต้องกังวัลว่าจะอันตราย

ฟิลเลอร์ร่องแก้มบวมกี่วันอันตรายหรือเปล่า

เนื่องจากร่างกายของคนไข้แต่ละคนนั้นมีปฏิกิริยาตอบสนองไม่เหมือนกัน บางรายอาจฉีดฟิลเลอร์ไปแล้วรับรู้ได้ทันทีว่าแพ้ แต่ในกรณีนี้แพทย์จะสามารถทำการฉีดสลายให้นะครับ นอกจากนี้แล้วก็ขึ้นอยู่กับประสบการณ์ของแพทย์โดยตรงนะครับ ซึ่งผมจะมาให้คำตอบที่คนไข้ส่วนใหญ่อยากรู้เกี่ยวกับฟิลเลอร์ โดยมีหัวข้ออะไรบ้างไปดูพร้อมกันได้เลยครับ 

  • ฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มบวมกี่วัน

ความจริงแล้ว โดยปกติหลังจากคนไข้ฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มไปแล้ว จะมีอาการบวมเพียงแค่ 2 – 3 วันครับ ซึ่งอาการบวมดังกล่าวจะไม่มีความรุนแรงเท่าไหร่ เนื่องจากการฉีดฟิลเลอร์บริเวณร่องแก้มไม่ได้มีการขยับของปลายเข็มมาก ดังนั้นการเสียดสีบริเวณใต้ผิวหนังเลยไม่เท่ากับการฉีดบริเวณรอบดวงตาครับ 

หากกรณีที่คนไข้มีอาการบวม ก็สามารถใช้ผ้าห่อน้ำแข็งประคบเบา ๆ บริเวณที่ฉีดมาได้ครับ เพื่อลดอาการบวมนั่นเอง แต่ถ้าหากบวมมากจนผิดสังเกต ผมก็ขอแนะนำให้กลับมาพบแพทย์เพื่อตรวจสอบว่ามีอาการแพ้ฟิลเลอร์หรือไม่นั่นเองครับ ซึ่งอาการแพ้ฟิลเลอร์จะพบได้น้อยมากครับ 

  • ฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มอันตรายไหม

โดยปกติแล้วคนไข้ที่มาฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มนั้น หากฉีดในสถานพยาบาลที่ได้มาตรฐาน แพทย์จะใช้ฟิลเลอร์แท้ที่มีสารเติมเต็มประเภท ไฮยาลูโรนิค แอซิด ซึ่งเป็นสารที่ปลอดภัย ผ่านการรับรองจากอย. และได้รับการยอมรับจากแพทย์ทั่วโลก หลังฉีดฟิลเลอร์จะสามารถสลายไปได้เองตามธรรมชาติครับ จึงไม่มีความอันตรายต่อร่างกายนั่นเองครับ

แชร์เลย: