ฉีดฟิลเลอร์คาง ถูกใจสาวไทยแน่นอน
ฉีดฟิลเลอร์คาง
ในยุคที่ใคร ๆ ก็สามารถใช้อินเทอร์เน็ตได้ทุกที่ ทุกเวลา ซึ่งเอื้อต่อการสืบค้นข้อมูล ข่าวสารต่าง ๆ ได้ง่ายยิ่งขึ้น ส่งผลให้เรื่องของการเลือกยี่ห้อฟิลเลอร์ไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไปครับ ไม่จำเป็นต้องเสี่ยงที่จะเจอฟิลเลอร์ปลอม หรือสารเหลว เนื่องจากปัจจุบันสถาบันความงามเกือบทุกหนทุกแห่ง ต่างก็เลือกใช้ฟิลเลอร์แท้กันทั้งนั้น เนื่องจากคำนึงถึงผลลัพธ์ และความปลอดภัยของตัวคนไข้ต้องเอง ต้องขอยอมรับเลยครับว่าในปัจจุบัน การฉีดฟิลเลอร์คาง กำลังเป็นกระแสที่มีความนิยมสูงในกลุ่มสาวไทย ซึ่งคนไข้หลายคนเริ่มหันมาให้ความสนใจในการปรับรูปหน้า เพื่อความสวยที่ดูธรรมชาติมากขึ้น ผมจึงอยากพาสาว ๆ ไปล้วงลึกคลุกวงในเคล็ดไม่ลับฉบับการ ฉีดฟิลเลอร์คาง พร้อมกันนะครับ
มาทำความรู้จักฟิลเลอร์ที่ใช้สำหรับฉีดบริเวณคางกัน
จริง ๆ แล้วฟิลเลอร์นับว่าเป็นสารเติมเต็มชนิดหนึ่ง ประเภทไฮยาลูโรนิค แอซิด (Hyaluronic Acid) หรือเรียกง่าย ๆ ว่า HA ครับ ซึ่งมีคุณสมบัติในการกักเก็บน้ำของชั้นใต้ผิว สามารถเติมได้หลายจุดของร่างกาย เช่น จมูก, ใต้ตา , ริมฝีปาก, ร่องแก้ม, หลังมือ, เนินอก และคาง
โดยบทความนี้ผมจะขอเน้นไปยัง “การฉีดฟิลเลอร์คาง” ซึ่งผลลัพธ์หลังการฉีดจะช่วยเสริมให้ คางดูเรียว ใบหน้าดูมีมิติ มีความละมุน และได้ใบหน้าที่ดูสมส่วนมากขึ้นกว่าเดิมครับ ฉะนั้นฟิลเลอร์จึงเป็นตัวเลือกที่นิยมนำมาใช้อย่างมากในแวดวงความสวยความงามครับ
ถึงอย่างไรก็มีคนไข้บางส่วนที่รู้สึกเป็นกังวลต่อผลลัพธ์หลังการฉีดฟิลเลอร์คาง ผมจึงขออธิบายเพิ่มเติมในส่วนนี้นะครับว่า ฟิลเลอร์ที่นำมาใช้นั้นต้องเป็นฟิลเลอร์แท้ที่ได้รับมาตฐานจาก อย.ซึ่งเป็นที่ยอมรับจากแพทย์ทั่วโลก ว่ามีความปลอดภัย ไม่ทิ้งสารตกค้าง สลายเองได้ตามธรมมชาติเห็นผลลัพธ์ชัดเจนหลังฉีดครับ ส่วนสาวคนไหนยังมีข้อสงสัยอยู่ผมจะมาช่วยคลี่คลายข้อสงสัยต่าง ๆ ในหัวข้อถัดไปนะครับ
การฉีดฟิลเลอร์คางคืออะไร
รูปหน้าที่สมส่วนชวนหลงไหล มองกี่รอบก็ไม่น่าเบื่อ คงเป็นความปราถนาของสาวไทยหลายคน ซึ่งสาวคนไหนที่มีปัญหาคางสั้น คางตัด หรือหน้ากลม ก็อย่าพึ่งหมดหวังนะครับ เพราะวันนี้ผมจะมาบอกต่อวิธี ที่ช่วยปรับรูปหน้าของสาว ๆ ให้กลับมามีความน่าหลงไหลอีกครั้ง แถมยังเป็นวิธีที่ได้รับความนิยมอย่างมากในขณะนี้
การฉีดฟิลเลอร์คางนั้นถือเป็นการเสริมความงามที่ปรับโครงหน้าของสาวๆ ให้ดูกระชับสมส่วนเข้ารูปได้รวดเร็วที่สุด โดยไม่มีความอันตราย และไร้สารตกค้างครับ เพราะฟิลเลอร์สามารถสลายได้เองอย่างธรรมชาติ แต่ควรอยู่ในการดูแลของแพทย์เฉพาะทางในหัตถการนั้น ๆ นะครับ
ดังนั้นสาวๆควรศึกษาข้อมูลให้ละเอียด ตรวจสอบให้แน่ใจว่าแพทย์มีใบประกอบวิชาชีพที่ถูกต้องมั้ยครับ เพื่อลดความเสี่ยงในความผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นได้แก่คนไข้เองครับ
หัตถการฉีดฟิลเลอร์คางเหมาะกับใครบ้าง
- คนไข้ที่มีปัญหาคางสั้นมากจนมองไม่เห็นคาง ทำให้ใบหน้าดูเป็นทรงกลมครับ
- คนไข้ที่มีปัญหาคางตัดปลายคางแบนราบ ทำให้หน้าดูเป็นทรงเหลี่ยมครับ
- คนไข้ที่มีปัญหาคางบุ๋ม คางมีรอยยุบเป็นร่องครับ
- คนไข้ที่ต้องการปรับรูปหน้าให้ดูเรียวยาวเพิ่มขึ้นครับ
- คนไข้ที่กลัวการผ่าตัด และไม่อยากมีรอยแผลเป็นบริเวณคางครับ
- คนไข้ที่ไม่ค่อยมีเวลา ไม่อยากพักฟื้น (สามารถแบ่งเวลาให้กับสิ่งอื่นได้)
- คนไข้ที่ต้องการเห็นผลลัพธ์ชัดเจนหลังทำ(ฉีดเสร็จเน้นใช้ชีวิตต่อเริ่ดๆ)
ฉีดฟิลเลอร์คางช่วยแก้ปัญหาอะไรบ้าง
การฉีดฟิลเลอร์คางนั้น นิยมฉีดเพื่อปรับรูปหน้าให้สมส่วนเพิ่มขึ้นครับ ซึ่งเป็นทางเลือกในการเพิ่มความสวยบนใบหน้าของสาวๆ โดยไม่ต้องผ่าตัดเย็บแผล และยังสามารถช่วยแก้ปัญหาได้อีกมากมาย ดังนี้ครับ
- ช่วยแก้ปัญหาคางสั้น คางตัด สำหรับสาวๆที่หน้ากลม การฉีดฟิลเลอร์จะช่วยให้หน้าดูเรียว และวีเชฟมากขึ้นครับ
- ช่วยแก้ปัญหาคางบุ๋มดูไม่เท่ากัน ให้ได้สัดส่วนที่เข้ากับใบหน้ากว่าเดิมครับ
- ช่วยเสริมคางให้ดูยาวขึ้น อย่างเป็นธรรมชาติโดยไม่ต้องผ่าตัดศัลยกรรมเสริมคางครับ
- เหมาะกับสาว ๆ ที่ไม่ต้องการพักฟื้นหลังทำหัตถการ การฉีดฟิลเลอร์ถือเป็นตัวเลือกที่ดีมากครับ
ยี่ห้อฟิลเลอร์ที่เหมาะสำหรับฉีดคาง
ปัจจุบันยี่ห้อฟิลเลอร์มีคุณสมบัติกับจุดเด่นที่แตกต่างกันไป ซึ่งการฉีดฟิลเลอร์คางควรเลือกยี่ห้อฟิลเลอร์ที่มีเจลเนื้อแน่น ความคงตัวสูง แต่ปัจจัยสำคัญขึ้นอยู่กับงบประมาณของสาว ๆ ด้วยครับ ส่วนผลลัพธ์ของระยะเวลาฟิลเลอร์ขึ้นอยู่แต่ละยี่ห้อครับ โดยยี่ห้อฟิลเลอร์ที่ได้รับความนิยมมีดังต่อไปนี้
มาทำความรู้จักฟิลเลอร์ยี่ห้อ JUVEDERM
ฟิลเลอร์ Juvederm เป็นฟิลเลอร์ที่นำเข้าจากสหรัฐอเมริกา ผลิตโดยบริษัท Allergan ที่ได้รับการยอมรับจากแพทย์ชั้นนำทั่วโลก มีความปลอดภัย ได้มาตรฐาน อย.ผ่านการรับรองจาก US.FDA
ซึ่งสามารถอยู่ในร่างกายได้นานถึง 12-24 เดือน แต่ฟิลเลอร์ Juvederm มีราคาค่อนข้างสูงกว่าฟิลเลอร์ยี่ห้ออื่น ๆ ในทางกลับกันก็สามารถขึ้นรูปได้สวยงาม และดูเป็นธรรมชาติมากที่สุดครับ
เจ้าตัวฟิลเลอร์ Juvederm นั้นมีหลายประเภทนะครับ ซึ่งแต่ละประเภทมีคุณสมบัติแตกต่างกัน เดี๋ยวจะเล่าให้ฟังครับ
- Juvederm VOLUMA
- เนื้อเจลมีความแน่น คงตัว เรียบเนียนที่เหมาะสำหรับการฉีดคางครับ
- ช่วยยกกระชับใบหน้าได้ดี และมีผลลัพธ์อยู่ได้นานที่สุดครับ
- เหมาะกับคนที่มีริ้วรอยบนใบหน้าเยอะ และต้องการปรับรูปหน้าให้ได้สัดส่วนครับ
- อยู่ได้นาน 2 ปี / การฉีด 1 ครั้งครับ
- ไม่มีอาการบวมหรือช้ำ และเห็นผลชัดเจนหลังฉีดครับ
ตำแหน่งที่เหมาะสม
- ฉีดส่วนขมับปรับรูปหน้าได้ครับ
- ฉีดตรงแก้มตอบทำให้หน้าดูไม่โทรม และสดใสขึ้นครับ
- ฉีดเพื่อเติมเต็มคางให้ดูธรรมชาติ เข้ารูปอย่างมีประสิทธิภาพครับ
- Juvederm ULTRA XC
- เนื้อเจลนิ่ม เรียบเนียน
- เหมาะสำหรับคนไข้ที่มีริ้วรอย และร่องบนใบหน้าลึกครับ
- อยู่ได้นาน 1 ปี / การฉีด 1 ครั้งครับ
ตำแหน่งที่เหมาะสม
- ฉีดส่วนขมับช่วยปรับรูปหน้าได้ครับ
- ฉีดตรงแก้มตอบทำให้หน้าดูไม่โทรม และสดใสขึ้นครับ
- ฉีดบริเวณคางสามารถเพิ่มความยาวหรือปรับทรงได้ตามต้องการครับ
- ฉีดที่จมูกเพื่อปรับให้ดูโด่งอย่างเป็นธรรมชาติครับ
- ฉีดเพื่อลดริ้วรอยบนใบหน้าได้ครับ
- Juvederm ULTRA PLUS XC
จุดเด่นของ Juvederm Ultra Plus xc
- เนื้อเจลหนาแน่น เรียบเนียน คงตัวไม่ไหล
- เหมาะสำหรับปรับรูปหน้า ให้ดูสมูทอย่างธรรมชาติครับ
- อยู่ได้นาน 12 เดือน / การฉีด 1 ครั้งครับ
ตำแหน่งที่เหมาะสม
- ฉีดส่วนขมับช่วยปรับรูปหน้าได้ดีครับ
- ฉีดบริเวณคางสามารถเพิ่มความยาวหรือปรับทรงได้ตามต้องการครับ
- ฉีดบริเวณร่องแก้ม ช่วยให้หน้าดูอ่อนเยาว์ลง
มาทำความรู้จักฟิลเลอร์ยี่ห้อ BELOTERO
ฟิลเลอร์ Belotero เป็นฟิลเลอร์ที่นำเข้าจากสวิตเซอร์แลนด์ ผ่านการขึ้นทะเบียนอย่างถูกต้อง ได้รับมาตรฐาน อย. จากประเทศสหรัฐอเมริกา ยุโรปและไทย โดยทั่วไปแล้วกล่องบรรจุภัณฑ์ของฟิลเลอร์ Belotero มีหลากหลายสี โดยแต่ละสีจะมีเนื้อสัมผัสที่แตกต่างกันครับ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับบริเวณที่แพทย์ทำการฉีดเพื่อแก้ไขจุดบกพร้องบนใบหน้าของคนไข้ด้วยครับ
คุณสมบัติโดยรวมของฟิลเลอร์ตัวนี้ช่วยเพิ่มความเต่งตึงอย่างเป็นธรรมชาติให้กับผิวครับ สามารถอยู่ได้นาน 1 – 2 ปี มีจุดเด่นคือสามรถแก้ปัญหาร่องลึกมาก ๆ จากการยุบตัวของเนื้อเยื่อผิวและการเสื่อมสภาพตามวัยครับ หากคนไข้ต้องการฉีดฟิลเลอร์คางด้วย Belotero จะมีรุ่นที่เหมาะสำหรับการฉีดฟิลเลอร์คางอยู่ 2 รุ่น ดังนี้ครับ
- Belotero Filler Intense ( สีชมพู )
จุดเด่น – ฟิลเลอร์มีลักษณะเนื้อแข็ง มีความคงตัวสูง เหมาะสำหรับฉีดร่องลึกมาก ๆ อยู่ได้นานถึง 18 เดือน
ตำแหน่งที่เหมาะสม – ร่องแก้ม, คาง, และริมฝีปาก
- Belotero Filler Volume ( สีม่วง )
จุดเด่น – ฟิลเลอร์เนื้อแข็ง มีความคงตัว และยืดหยุนเหมาะสำหรับฉีดชั้นลึก อยู่ได้นาน 18 เดือน
ตำแหน่งที่เหมาะสม – ขมับ, ปาก, คาง, โหนกแก้ม
ทำไมฉีดฟิลเลอร์แล้วเป็นก้อน ยิ้มดูไม่ธรรมชาติ
ต่อให้คนไข้เลือกฉีดฟิลเลอร์แท้ได้รับมาตรฐานจากองค์กรอาหารและยา ก็อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนหลังฉีดฟิลเลอร์คางได้ เนื่องจากการฉีดฟิลเลอร์ที่ผิดวิธี ซึ่งมีสาเหตุหลักจากการที่คนไข้เลือกตัดสินใจฉีดฟิลเลอร์กับแพทย์ที่ไม่มีความเชี่ยวชาญ จึงทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนดังกล่าวตามมานั่นเองครับ
ต้องขออธิบายก่อนนะครับว่า บริเวณคางนั้น มีกล้ามเนื้อที่ชื่อว่า mentalis ซึ่งเราจะเห็นก็ต่อเมื่อทำการห่อปาก จึงเป็นตำแหน่งที่ควรระวังเป็นพิเศษสำหรับแพทย์ เพราะหากฉีดฟิลเลอร์คางไม่ลึกพอจะทำให้ฟิลเลอร์ไหลมารวมกันบริเวณที่ฉีดภายในระยะเวลา 6 – 12 เดือนครับ จึงเป็นสาเหตุหลัก ๆ ว่าทำไมฉีดฟิลเลอร์คางแล้วถึงเป็นก้อน ยิ้มดูไม่ธรรมชาติครับ
นอกจากนี้การเลือกประเภทฟิลเลอร์ก็สำคัญนะครับ เนื่องจากฟิลเลอร์นั้นมีด้วยกันทั้งหมด 3 ประเภท หากเราเลือกฟิลเลอร์แท้ ก็สามารถสลายเองได้โดยธรรมชาติ แต่หากเราเลือกฟิลเลอร์ฟิลแบบกึ่งถาวร,ฟิลเลอร์แบบถาวร ซึ่งเป็นประเภทที่ไม่สามารถสลายเองโดยธรรมชาติ อาจเกิดผลข้างเคียงตามมามากมายครับ ไม่ว่าจะเป็น อาการอักเสบ, เป็นก้อนหลังฉีดฟิลเลอร์ เดี๋ยวในหัวข้อถัดไปผมจะพาไปรู้จักกับประเภทของฟิลเลอร์กันนะครับ
ฟิลเลอร์มีกี่ประเภท ต่างกันอย่างไร
ฟิลเลอร์สำหรับฉีดเติมเต็มร่องรอยหรือริ้วรอยต่าง ๆ สามารถแบ่งได้ 3 ประเภทได้แก่
ฟิลเลอร์แบบถาวร (Permanent filler)
จะเป็นสารเติมเต็มประเภท ซิลิโคนเหลว โดยผลลัพธ์จะอยู่ได้ถาวร ไม่สามารถสลายไปได้เอง จึงไม่สามารถระบุได้เลยว่าจะมีผลข้างเคียงตอนไหนในระยะยาว เพราะหากอยู่ในร่างกายนานเกินไป ก็จะส่งผลให้เกิดการอักเสบที่รุนแรงได้ครับ
ฟิลเลอร์แบบกึ่งถาวร (Semi-Permanent filler)
- ฟิลเลอร์แบบกึ่งถาวรอยู่ได้นานกว่าแบบชั่วคราวประมาณ 2- 5 ปีครับ แต่จะปลอดภัยในระดับปานกลางเท่านั้น เพราะไม่สามารถสลายได้เอง 100 % ครับ และอาจมีแนวโน้วที่จะเกิดผลข้างเคียงได้เช่นกัน
- ฟิลเลอร์แบบชั่วคราวจะได้รับความนิยมมากที่สุดในปัจจุบัน เนื่องจากสามารถสลายได้เองตามธรรมชาติ 100 % และผลลัพธ์อยู่ได้นาน 8 – 12 เดือนต่อการฉีดฟิลเลอร์ 1 ครั้งครับ แต่เมื่อครบกำหนด คนไข้ก็จำเป็นต้องกลับมาฉีดฟิลเลอร์อีกครั้ง เพื่อให้ตำแหน่งดังกล่าวเข้ารูปตามเดิม
ฉีดฟิลเลอร์คาง VS ผ่าตัดศัลยกรรมคาง ต่างกันอย่างไร
ปัจจุบันยังมีสาวไทยอีกหลายคนที่ไม่รู้ถึงข้อดีข้อเสียระหว่าง การฉีดฟิลเลอร์คาง กับการผ่าตัดศัลยกรรมคางว่ามีความแตกต่างกันอย่างไร และสิ่งไหนที่เหมาะที่สุดสำหรับสาว ๆ ผมจึงขอพื้นที่ตรงนี้เพื่ออธิบายข้อมูลต่าง ๆ ที่ได้เตรียมมาให้สาว ๆ ทำความเข้าใจได้ง่ายที่สุดนะครับ
การฉีดฟิลเลอร์คางจะทำให้คางของสาวๆดูสมส่วนอย่างเป็นธรรมชาติที่สุดครับ เพียงแต่ผลลัพธ์ของฟิลเลอร์นั้นมีระยะเวลาที่อยู่ได้ 8-12 เดือนต่อการฉีด 1 ครั้งครับ แต่ในขณะเดียวกันก็สามารถปรับแก้ลักษณะคางได้ตามความเหมาะสมครับ แถมไม่มีการพักฟื้นหลังฉีดฟิลเลอร์เลย
ซึ่งแตกต่างจากการผ่าตัดศัลยกรรมคาง ที่ต้องใช้เวลาในการพักฟื้นค่อนข้างนาน และอาจพบผลข้างเคียงจากการผ่าตัด หากคนไข้ไม่ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด ซึ่งผลข้างเคียงที่ว่านั้น ไม่ว่าจะเป็น การอักเสบ บวมแดง แผลไม่สมาน หรือสมานช้า มีรอยแผลเป็นหลังการผ่าตัด นอกจากนี้ยังรวมไปถึงผลลัพธ์ที่ไม่น่าพึงพอใจ เนื่องจากการเลือกรูปแบบซิลิโคนไม่เหมาะสมกับโครงหน้าของคนไข้ ดังนั้นก่อนเข้ารับการผ่าตัดศัลยกรรม จึงจำเป็นต้องปรึกษาแพทย์อย่างละเอียดครับ
ฉีดฟิลเลอร์คางที่โรงพยาบาลมาสเตอร์พีชดีอย่างไร
สาวๆคนไหนที่กำลังสงสัยว่าควรฉีดฟิลเลอร์คางที่ไหน ให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีผมขอแนะนำคร่าวๆเกี่ยวกับการตัดสินใจเลือกสถานพยาบาลในการฉีดฟิลเลอร์นะครับ เพราะหากสาว ๆ เลือกจากโฆษณาและโปรโมชั่นที่น่าดึงดูด อาจไม่เพียงพอต่อความปลอดภัยต่อสาวๆนะครับ
โดยวิธีการเลือกสถานพยาบาลดังกล่าวจำเป็นต้องดูในเรื่องของแพทย์ว่ามีประสบการณ์ไหม มีใบรับรองในการทำหัตถกรรมหรือไม่ รวมไปถึงชื่อเสียงขอสถานพยาบาลมีความน่าเชื่อถือมากน้อยเพียงใดครับ นอกจากนี้ราคา กับเคสรีวิวของลูกค้าที่ใช้บริการจริงก็มีความสำคัญเช่นกันครับ เพราะถือว่าเป็นการการันตีฝีมือของแพทย์ครับ สุดท้ายแล้วสาวๆก็ควรศึกษาข้อมูลต่าง ๆ อย่างละเอียด ก็จะได้รับความสวยพร้อมไปกับความปลอดภัยอย่างแน่นอนครับ
ในหัวข้อนี้ผมจะอธิบายให้ฟังเกี่ยวกับการเลือกสถานพยาบาลมีวิธีการเลือกอย่างไร
- แพทย์มีประสบการณ์
สิ่งแรกที่สาวๆควรคำนึกถึงคือในสถานพยาบาลต้องมีแพทย์มีเฉพาะด้าน และผลงานของแพทย์ ซึ่งเราสามารถตรวจสอบได้จากการดูรีวิวลูกค้าที่มาใช้บริการจริง , ใบประกอบวิชาชีพ รวมไปถึงการให้คำปรึกษาจากแพทย์ที่สามารถตอบคำถามได้อย่างละเอียดนั่นเองครับ
- สถานพยาบาลมีความน่าเชื่อถือหรือไม่
สถานพยาบาลนั้นควรมีทีมแพทย์ที่พร้อมในการปฎิบัติหน้าที่ รวมไปถึงเครื่องมืออุปกรณ์ทางการแพทย์มีความสะอาด ผ่านการฆ่าเชื้อและได้การรับรองที่มีมาตรฐานครับ
- เครื่องมือทางการแพทย์
เพื่อผลลัพธ์ที่ดีและความปลอดภัยของคนไข้ในการฉีดฟิลเลอร์คาง สถานพยาบาลควรมีอุปกรณ์ที่ครบถ้วน รวมไปถึงเครื่องมือที่มีความทันสมัย สะอาด และทำการฆ่าเชื้อทุกครั้งหลังใช้บริการฉีดฟิลเลอร์คางครับ
โดยทางโรงพยาบาาลมาสเตอร์พีชของเราเป็นสถาพยาบาลชั้นนำที่ได้รับการยอมรับ และมีมาตรฐานสำหรับหัตถการต่างๆครับ รวมไปถึงเครื่องมือที่มีความทันสมัย ปลอดเชื้อ นำทีมโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์ด้านหัตถการการฉีดฟิลเลอร์ ที่การรันตีได้จากผลงานรีวิวมากมายของคนไข้ที่มาใช้บริการจริง คนไข้จึงสามารถมั่นใจได้เลยครับว่า จะได้รับใบหน้าที่สมส่วนดูเป็นธรรมชาติและมีความปลอดภัยหลังจากฉีดฟิลเลอร์คางแน่นอนครับ
หลังฉีดฟิลเลอร์คางควรดูแลตัวเองอย่างไร
- หลังจากฉีดฟิลเลอร์คาง แนะนำว่าให้ใช้แผ่นเจลประคบเย็นสำเร็จรูปวางบนผ้าสะอาดแล้วประคบ บริเวณรอบ ๆ คาง ครั้งละ 10 นาที ทุก ๆ 1 ชม. ครับ
- รับประทานยาตามคำแนะนำของแพทย์
- หากรู้สึกปวดบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์มาแนะนำให้ทานยา กลุ่มพาราเซตามอลได้ครับ
- ควรหลีกเลี่ยงการนวดหน้า โดยเฉพาะบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์มา เนื่องจากจะทำให้ฟิลเลอร์ผิดรูปได้ครับ
- หลีกเลี่ยงการแต่งหน้า และใช้เครื่องสำอางทุกประเภทอย่างน้อย 24 ชั่วโมงหลังฉีดฟิลเลอร์มา
ข้อปฏิบัติ / ข้อห้าม หลังฉีดฟิลเลอร์คาง
- การดูแลรักษาขึ้นอยู่กับความสามารถของแต่ละบุคคล ซึ่งจะช่วยส่งผลให้ฟิลเลอร์อยู่ได้นานยิ่งขึ้นครับ
- โดยพยายามหลีกเลี่ยงการนอนราบ หลังฉีดประมาณ 3 – 4 ชั่วโมงด้วยนะครับ
- งดใช้ครีมบำรุงผิวในตำแหน่งที่มีรอยเข็มเพื่อลดการปนเปื้อนของสารในเครื่องสำอางครับ
- งดออกกำลังกายภายใน 24 ชั่วโมงนะครับ
- งดสัมผัสความร้อนทุกวิธี รวมทั้งห้ามขัดเกาถูบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์มาด้วยนะครับ
- ควรดื่มน้ำให้มาก ๆ เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้ฟิลเลอร์ที่ฉีดครับ
- งดเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ งดสูบบุหรี่ และทานอาหารรสจัด
ฉีดฟิลเลอร์คางอันตรายไหม
หากคนไข้ท่านใดกำลังมีความกังวลว่าฉีดฟิลเลอร์คางมาแล้วจะมีอันตรายไหมนั้น ผมขอให้สบายใจได้เลยครับ เพราะการฉีดฟิลเลอร์บริเวณคางหากอยู่ในการดูแลของแพทย์ที่มีประสมการณ์แล้วละก็ แทบจะไม่มีอะไรที่น่าเป็นห่วงเลยครับ เมื่อเทียบกับการฉีดฟิลเลอร์ในตำแหน่งอื่นบนใบหน้าครับ
เนื่องจากบริเวณคางไม่มีเส้นเลือดที่สำคัญอยู่ ซึ่งทางแพทย์จะทำการฉีดผ่านชั้นใต้ผิวหนังก่อนถึงชั้นกล้ามเนื้อครับ เพียงไม่นานคนไข้ก็จะได้คางที่สวยเข้ารูปอย่างเป็นธรรมชาติครับ อย่างไรก็ตามผมก็ขอแนะนำให้ฉีดฟิลเลอร์กับแพทย์ที่มีประสบการณ์และควรใช้ฟิลเลอร์แท้ที่สามารถสลายไปได้เองตามธรรมชาติ เท่านี้คนไข้ก็สามารถมั่นใจว่าได้ครับว่าไม่มีอันตรายอย่างแน่นอนครับ
ส่วนเรื่องความอันตรายในการฉีดฟิลเลอร์คางนั้นก็มีอยู่นะครับ เพราะการฉีดฟิลเลอร์ขึ้นอยู่กับประสบการณ์ของแพทย์ โดยแพทย์ควรใช้เทคนิคที่ถูกต้องมีความเหมาะสมสำหรับรูปคางคนไข้ เพราะหากฉีดไม่ลึกพอไปโดนกล้ามเนื้อ ฟิลเลอร์จะสามารถไหลย้อนกลับมารวมเป็นก้อนได้ ทำให้เป็นอันตรายได้ในภายหลังครับ กรณีนี้เกิดขึ้นได้บ่อยเนื่องจากคนไข้ไม่ได้ทำการศึกษาในการฉีดฟิลเลอร์คางอย่างละเอียดครับ และอีกกรณีที่เป็นอันตรายอย่างมากคือการฉีดฟิลเลอร์ไปแล้วเกิดการอุดตันเส้นเลือดครับ ซึ่งหากเกิดการอุดตันเส้นเลือดควรรีบแจ้งแพทย์ผู้ทำหัตถการทันที เพื่อทำการฉีดตัวยาสลายฟิลเลอร์ทันทีครับ
สรุป
เพียงเท่านี้คนไข้ที่ให้ความสนใจกับการฉีดฟิลเลอร์คาง คงเข้าใจดีแล้วว่า ฟิลเลอร์ยี่ห้อไหนช่วยอะไรได้บ้าง เหมาะกับตำแหน่งไหนบนใบหน้า และจุดเด่นของรุ่นฟิลเลอร์ที่แตกต่างกันไป รวมถึงข้อห้าม ที่ควรปฏิบัติตามเพื่อส่งผลลัพธ์ที่ดีที่สุดให้หลังจากฉีดฟิลเลอร์คางครับ