คางยื่น แก้ไขด้วยศัลยกรรมปรับโครงหน้า มีข้อดีข้อเสียอย่างไร

masterpiece

คางยื่น” เป็นปัญหาที่หลายคนกังวลใจ เพราะส่งผลต่อความมั่นใจและรูปลักษณ์โดยรวมของใบหน้า การมีคางที่ยื่นเกินไปอาจทำให้ใบหน้าดูแข็งทื่อขาดความอ่อนหวาน หรือดูดุ ไม่เป็นมิตร ซึ่งส่งผลต่อบุคลิกภาพและการเข้าสังคมได้ การ “ปรับโครงหน้า” จึงเป็นทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการแก้ไขปัญหานี้

ในบทความนี้ เราจะมาทำความเข้าใจเกี่ยวกับสาเหตุของคางยื่น วิธีการแก้ไขด้วยการผ่าตัด รวมถึงข้อดี ข้อเสีย และสิ่งที่ควรรู้ก่อนตัดสินใจทำศัลยกรรม เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ครบถ้วนและสามารถนำไปประกอบการตัดสินใจได้อย่างรอบคอบ

คลิกอ่านหัวข้อที่สนใจได้เลย

คางยื่น คืออะไร เกิดจากอะไร ?

คางยื่น (Prognathism) คือภาวะที่คางยื่นออกมาด้านหน้ามากกว่าปกติ ทำให้ใบหน้าดูไม่สมส่วน โดยเฉพาะในมุมด้านข้าง คางยื่นมักส่งผลต่อการรับประทานอาหาร การพูดคุย และความสวยงามของใบหน้า การรักษาจึงมักเป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่มีปัญหาคางยื่นเพื่อปรับรูปหน้าให้สมดุลมากขึ้น สาเหตุที่ทำให้คางยื่นคือ

1.พันธุกรรม

คางยื่นอาจเกิดจากลักษณะทางพันธุกรรม หากคนในครอบครัวมีคางยื่น ลูกหลานก็อาจได้รับลักษณะนี้เช่นกัน ลักษณะของโครงกระดูกหน้าโดยรวม เช่น ขากรรไกรบนและขากรรไกรล่างที่ไม่สมดุล อาจถูกถ่ายทอดทางพันธุกรรม

2.การเจริญเติบโตของกระดูกผิดปกติ

บางคนมีการเจริญเติบโตของขากรรไกรล่างมากกว่าขากรรไกรบน ทำให้คางดูยื่นออกมา ซึ่งอาจเกิดขึ้นตั้งแต่วัยเด็กหรือในช่วงวัยรุ่นที่กระดูกกำลังเจริญเติบโต

3.นิสัยในวัยเด็ก

นิสัยบางอย่างในช่วงวัยเด็ก เช่น การใช้ลิ้นดันฟัน การดูดนิ้ว หรือการหายใจทางปาก อาจส่งผลให้เกิดปัญหาคางยื่น เนื่องจากการกระทำเหล่านี้มีผลกระทบต่อการพัฒนาของกระดูกใบหน้า

4.ปัญหาการเรียงตัวของฟัน

การเรียงตัวของฟันที่ผิดปกติ เช่น ฟันล่างยื่นออกมามากกว่าฟันบน (ฟันสบคร่อม) สามารถทำให้คางดูยื่นมากขึ้นได้

ลักษณะคางยื่น ส่งผลปัญหาใบหน้าอย่างไร แบบไหนเรียกคางยื่น

การที่คางยื่นออกมามากเกินไปส่งผลต่อรูปลักษณ์ของใบหน้าในหลายแง่มุม ดังนี้

โครงหน้าไม่สมดุล

คางที่ยื่นออกมามากเกินไปทำให้ใบหน้าดูไม่สมส่วน โดยเฉพาะในผู้ที่มีหน้าผากเล็กหรือจมูกที่ไม่เด่นชัด จะยิ่งทำให้ความยาวของใบหน้าดูไม่สมดุลอย่างชัดเจน

การรับรู้ใบหน้าที่แข็งกร้าว

ลักษณะคางยื่นอาจทำให้ใบหน้าดูแข็งกร้าว ดูมีลักษณะคม และขาดความละมุน การที่คางยื่นมากเกินไปอาจสร้างความไม่พอใจในการมองเห็นภาพตัวเองในกระจกหรือภาพถ่าย

ปัญหาด้านสุขภาพฟันและขากรรไกร

ผู้ที่มีคางยื่นอาจมีปัญหาเกี่ยวกับการกัดเคี้ยวหรือการสบฟันที่ไม่ตรงกัน ส่งผลให้เกิดอาการปวดขากรรไกร ฟันสึก หรือปัญหาเกี่ยวกับเหงือก

การพูดและการออกเสียง

คางยื่นอาจส่งผลต่อการขยับของปากและขากรรไกร ซึ่งอาจทำให้การพูดไม่ชัดเจนหรือมีความยาก

วิธีแก้ปัญหาคางยื่น มีแบบไหนบ้าง

สำหรับผู้ที่มีปัญหาคางยื่น การแก้ไขสามารถทำได้หลากหลายวิธี ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของปัญหาและผลลัพธ์ที่ต้องการ โดยวิธีแก้ปัญหาคางยื่นที่ได้รับความนิยม มีดังนี้

การจัดฟัน

การจัดฟันเป็นวิธีที่เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาคางยื่นเพียงเล็กน้อย ซึ่งมีสาเหตุมาจากการสบฟันที่ผิดปกติ หรือการจัดเรียงฟันที่ไม่ดี การจัดฟันสามารถช่วยปรับโครงสร้างฟันและขากรรไกรให้เข้าที่ ผลลัพธ์ที่ได้คือคางจะดูสมดุลและไม่ยื่นออกมามากเกินไป

  • ข้อดี: เป็นวิธีที่ไม่ต้องผ่าตัดและเหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาเพียงเล็กน้อย
  • ข้อเสีย: อาจต้องใช้เวลาหลายปีในการจัดฟัน และผลลัพธ์อาจไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ทั้งหมดในกรณีที่มีคางยื่นรุนแรง

การผ่าตัดขากรรไกร

สำหรับผู้ที่มีปัญหาคางยื่นมากจนไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยการจัดฟัน การผ่าตัดขากรรไกรเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด การผ่าตัดขากรรไกร (Orthognathic Surgery) จะทำการปรับโครงสร้างขากรรไกรและคางให้เข้าที่ โดยศัลยแพทย์จะตัดและปรับตำแหน่งกระดูกขากรรไกรและคางเพื่อให้เข้ากับใบหน้าอย่างสมดุล

  • ข้อดี: สามารถแก้ไขปัญหาคางยื่นได้อย่างถาวร เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาคางยื่นรุนแรง
  • ข้อเสีย: เป็นการผ่าตัดใหญ่ที่ต้องใช้เวลาพักฟื้นนาน และมีความเสี่ยงจากการผ่าตัด

การเสริมคางหรือปรับกระดูกคาง

ในบางกรณี ผู้ที่มีปัญหาคางยื่นอาจต้องการการผ่าตัดปรับกระดูกคางเพื่อให้คางมีขนาดเล็กลง ศัลยแพทย์สามารถปรับกระดูกหรือเสริมซิลิโคนเพื่อแก้ไขความไม่สมดุลของคาง การผ่าตัดนี้จะช่วยให้ใบหน้าดูสมดุลมากขึ้น

  • ข้อดี: เป็นการปรับแก้ปัญหาที่ให้ผลลัพธ์ที่ชัดเจน สามารถปรับให้เข้ากับความต้องการของแต่ละบุคคลได้
  • ข้อเสีย: การผ่าตัดมีความเสี่ยง และต้องใช้เวลาพักฟื้น

คางยื่น ไม่ผ่าตัดได้ไหม

การแก้ปัญหาคางยื่นโดยไม่ต้องผ่าตัดนั้นสามารถทำได้ในบางกรณี ขึ้นอยู่กับระดับของความผิดปกติและโครงสร้างใบหน้า ทางเลือกในการแก้ไขคางยื่นโดยไม่ต้องผ่าตัดมีดังนี้

  1. การฉีดฟิลเลอร์คาง (Chin Fillers)
    ฟิลเลอร์ใช้เพื่อปรับรูปคางให้ดูสมดุลมากขึ้น โดยสามารถเติมเต็มส่วนที่ขาดหรือปรับให้คางดูเข้ารูป วิธีนี้มักเหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาคางยื่นเล็กน้อยและต้องการผลลัพธ์ที่ไม่ถาวร เพราะฟิลเลอร์จะสลายไปตามเวลา (ประมาณ 6-18 เดือน)
  2. การใช้โบท็อกซ์ (Botox)
    โบท็อกซ์สามารถช่วยปรับแต่งกล้ามเนื้อบริเวณคางได้ ซึ่งอาจช่วยให้คางดูสั้นลงหรือเรียบขึ้นเล็กน้อย แต่ผลลัพธ์จะไม่ถาวรและต้องทำซ้ำทุก 3-6 เดือน
  3. การจัดฟัน (Orthodontics)
    หากปัญหาคางยื่นเกิดจากการเรียงตัวของฟันที่ผิดปกติ การจัดฟันอาจช่วยปรับปรุงการจัดเรียงฟันและปรับรูปคางให้ดูสมดุลขึ้น วิธีนี้อาจใช้เวลานาน แต่เป็นการแก้ปัญหาที่มีผลในระยะยาว
  4. การใส่เฝือกดามฟัน (Clear Aligners)
    คล้ายกับการจัดฟันทั่วไป แต่ใช้วิธีการใส่เฝือกดามใสที่สามารถถอดได้ วิธีนี้เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาเล็กน้อยถึงปานกลาง

ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญหรือทันตแพทย์เกี่ยวกับวิธีที่เหมาะสมกับสภาพใบหน้าของคุณเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

จะผ่าตัดศัลยกรรม ก่อนหรือหลังจัดฟันดี

  1. การจัดฟันก่อนการผ่าตัด
    การจัดฟันก่อนการผ่าตัดเป็นวิธีที่แพทย์นิยมใช้มากที่สุดในกรณีที่มีปัญหาเกี่ยวกับการสบฟันหรือการจัดเรียงฟันที่ผิดปกติ การจัดฟันจะช่วยปรับตำแหน่งฟันให้เข้าที่ เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการผ่าตัดปรับโครงหน้า หลังจากจัดฟันจนได้ฟันที่เรียงตัวเหมาะสมแล้ว แพทย์จะทำการผ่าตัดปรับโครงกระดูกให้เข้ากับตำแหน่งฟันใหม่ การจัดฟันก่อนผ่าตัดนี้ช่วยให้โครงหน้าและฟันมีความสอดคล้องกัน และลดความเสี่ยงของปัญหาการสบฟันในอนาคต
  2. การผ่าตัดก่อนจัดฟัน
    ในบางกรณีที่มีปัญหาโครงกระดูกใบหน้าผิดปกติอย่างมาก เช่น ขากรรไกรบนหรือล่างยื่นหรือหดมากจนเกินไป แพทย์อาจแนะนำให้ทำการผ่าตัดก่อนการจัดฟัน การผ่าตัดในกรณีนี้จะช่วยปรับโครงกระดูกใบหน้าให้มีความสมดุลก่อน หลังจากนั้นจึงทำการจัดฟันเพื่อปรับฟันให้เข้ากับโครงหน้าที่ปรับแล้ว วิธีนี้มักใช้ในผู้ที่มีปัญหาขากรรไกรรุนแรงจนส่งผลต่อการหายใจหรือการกินอาหาร
  3. การจัดฟันและผ่าตัดศัลยกรรมร่วมกัน
    ในบางกรณีที่ซับซ้อน แพทย์อาจเลือกวิธีการจัดฟันและผ่าตัดศัลยกรรมพร้อมกัน เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด วิธีนี้จะช่วยให้การจัดฟันและการปรับโครงกระดูกเป็นไปพร้อมกัน ลดระยะเวลาในการรักษา และสามารถแก้ไขปัญหาฟันและโครงหน้าได้ในคราวเดียวกัน

การเตรียมตัวก่อนเข้าศัลยกรรมผ่าตัดแก้ไขคางยื่น

การเตรียมตัวก่อนเข้ารับการผ่าตัดเป็นขั้นตอนที่สำคัญมาก เพราะจะช่วยให้ร่างกายของคุณพร้อมสำหรับการผ่าตัด ลดความเสี่ยงในการเกิดภาวะแทรกซ้อน และช่วยให้การฟื้นตัวเป็นไปอย่างรวดเร็วขึ้น

  1. ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ก่อนตัดสินใจทำศัลยกรรม ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านศัลยกรรมกระดูกหน้า เพื่อทำความเข้าใจถึงขั้นตอนการผ่าตัด ผลลัพธ์ที่คาดหวัง และความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น แพทย์จะทำการตรวจร่างกายและประเมินสภาพโดยรวม เพื่อวางแผนการรักษาที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล
  2. ตรวจสุขภาพทั่วไป แพทย์จะทำการตรวจสุขภาพทั่วไป เช่น ตรวจเลือด ตรวจปัสสาวะ เพื่อประเมินสุขภาพโดยรวม และตรวจหาโรคประจำตัวที่อาจส่งผลต่อการผ่าตัด
  3. แจ้งประวัติทางการแพทย์ บอกแพทย์ให้ทราบถึงประวัติการแพทย์ทั้งหมด รวมถึงยาที่กำลังรับประทาน อาการแพ้ และโรคประจำตัว เพื่อให้แพทย์สามารถวางแผนการรักษาได้อย่างปลอดภัย
  4. งดยาบางชนิด ก่อนการผ่าตัด แพทย์อาจแนะนำให้หยุดรับประทานยาบางชนิด เช่น ยาแอสไพริน ยาต้านการอักเสบ หรือยาเสพติด เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดเลือดออก
  5. งดสูบบุหรี่และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ การสูบบุหรี่และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อาจส่งผลต่อการสมานแผลและเพิ่มความเสี่ยงในการติดเชื้อ ดังนั้นควรหลีกเลี่ยงอย่างน้อย 2 สัปดาห์ก่อนการผ่าตัด
  6. เตรียมตัวทางจิตใจ การผ่าตัดเป็นเรื่องที่ต้องใช้ความกล้าหาญ การเตรียมตัวทางจิตใจให้พร้อมจึงเป็นสิ่งสำคัญ ควรหาข้อมูลเกี่ยวกับการผ่าตัดให้ละเอียด และปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยาหากมีความกังวล

ขั้นตอนศัลยกรรมผ่าตัดแก้ไขคางยื่น

การผ่าตัดนี้มีขั้นตอนที่ซับซ้อนและต้องอาศัยความเชี่ยวชาญของแพทย์เฉพาะทางด้านการปรับโครงหน้า มาดูขั้นตอนพื้นฐานในการผ่าตัดแก้ไขคางยื่นที่สำคัญแต่ละขั้นตอนกัน

  1. การดมยาสลบ
    การผ่าตัดแก้ไขคางยื่นส่วนใหญ่จะดำเนินการภายใต้การดมยาสลบ เพื่อให้ผู้ป่วยไม่รู้สึกเจ็บปวดและสามารถผ่าตัดได้อย่างราบรื่น ในขั้นตอนนี้ แพทย์วิสัญญีแพทย์จะดูแลเรื่องการดมยาสลบและตรวจสอบสัญญาณชีพของผู้ป่วยตลอดการผ่าตัด
  2. การตัดกระดูกคาง (Osteotomy)
    ขั้นตอนสำคัญในการผ่าตัดแก้ไขคางยื่นคือการตัดกระดูกคาง (Osteotomy) โดยแพทย์จะทำการเปิดแผลเล็ก ๆ ที่ด้านในปากหรือใต้คาง จากนั้นทำการตัดกระดูกคางส่วนที่ยื่นออกมาเกินไป การตัดกระดูกนี้จะช่วยลดความยาวของคางและปรับรูปคางให้เหมาะสมกับใบหน้า หลังจากตัดกระดูก แพทย์จะย้ายตำแหน่งของกระดูกใหม่ให้ตรงตามที่วางแผนไว้
  3. การตรึงกระดูก (Fixation)
    เมื่อได้ตำแหน่งของกระดูกคางใหม่ที่ต้องการแล้ว แพทย์จะใช้แผ่นโลหะและสกรูเล็ก ๆ เพื่อตรึงกระดูกให้อยู่ในตำแหน่งใหม่ เพื่อให้กระดูกสามารถเชื่อมต่อกันได้อย่างสมบูรณ์ในระหว่างการฟื้นฟู การตรึงกระดูกนี้มีความสำคัญต่อการสร้างความแข็งแรงและความมั่นคงของคางใหม่
  4. การเย็บปิดแผล
    หลังจากการปรับแก้กระดูกและตรวจสอบว่าคางใหม่อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม แพทย์จะทำการเย็บปิดแผลด้วยไหมละลายสำหรับแผลในปาก หรือไหมธรรมดาสำหรับแผลใต้คาง แพทย์จะตรวจสอบให้แน่ใจว่าแผลปิดสนิทดีเพื่อลดความเสี่ยงของการติดเชื้อ

การดูแลตนเองหลังผ่าตัดแก้ไขคางยื่น

  1. การดูแลตนเองหลังผ่าตัดแก้ไขคางยื่น (หรือที่เรียกว่าผ่าตัดกรามยื่น) เป็นสิ่งสำคัญมากเพื่อช่วยให้แผลหายเร็ว ลดความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อน และช่วยให้ผลลัพธ์ของการผ่าตัดออกมาดีที่สุด
  2. การประคบเย็นในช่วง 48 ชั่วโมงแรก ในช่วง 1-2 วันแรกหลังการผ่าตัด ควรใช้ถุงน้ำแข็งหรือประคบเย็นบริเวณที่ผ่าตัดเป็นระยะ ๆ เพื่อช่วยลดบวมและอักเสบ แต่อย่าใช้ความเย็นนานเกินไป ควรเว้นระยะทุกๆ 15-20 นาที
  3. นอนในท่าศีรษะสูง เพื่อช่วยลดการบวม ควรนอนยกศีรษะให้สูงขึ้นประมาณ 30-45 องศาในช่วง 1-2 สัปดาห์แรก หรือนอนโดยใช้หมอนสองใบเพื่อช่วยให้ศีรษะสูงขึ้น
  4. หลีกเลี่ยงอาหารแข็งหรือเหนียว ในช่วงแรกหลังการผ่าตัด ควรรับประทานอาหารอ่อน เช่น ซุป โจ๊ก หรืออาหารเหลว เพราะอาหารแข็งหรือเหนียวอาจทำให้เกิดแรงกดดันต่อกรามและคาง ซึ่งอาจทำให้แผลเกิดการอักเสบได้
  5. การทำความสะอาดช่องปาก การรักษาความสะอาดของช่องปากเป็นสิ่งสำคัญ หลีกเลี่ยงการแปรงฟันบริเวณแผลผ่าตัดในช่วงแรก ควรใช้ยาบ้วนปากที่แพทย์แนะนำและบ้วนปากด้วยน้ำเกลืออุ่นๆ เพื่อป้องกันการติดเชื้อ
  6. หลีกเลี่ยงการเคลื่อนไหวที่กระทบต่อคาง ควรหลีกเลี่ยงการเปิดปากกว้าง เคี้ยวอาหารแรงๆ หรือพูดเยอะๆ ในช่วง 1-2 สัปดาห์แรก เพราะอาจทำให้เกิดแรงดันต่อคางและส่งผลต่อการหายของแผล
  7. หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนัก ควรงดการออกกำลังกายหนัก เช่น การยกของหนัก หรือการออกกำลังกายที่ใช้แรงมากในช่วง 1-2 เดือนแรก เพื่อป้องกันการกระทบกระเทือนต่อแผลผ่าตัด

ข้อดี ข้อเสียของการผ่าตัดแก้ไขคางยื่น

ข้อดีของการผ่าตัดแก้ไขคางยื่น

  • ปรับรูปหน้าให้สมส่วน: การผ่าตัดจะช่วยแก้ไขปัญหาคางยื่นที่ส่งผลต่อความสมดุลของใบหน้า ทำให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์และมีมิติมากขึ้น
  • เพิ่มความมั่นใจ: รูปลักษณ์ภายนอกที่เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น จะส่งผลต่อความมั่นใจในตนเองของคุณ
  • ผลลัพธ์ถาวร: หากทำการผ่าตัดโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ผลลัพธ์ที่ได้จะคงอยู่ได้ยาวนาน
  • แก้ไขปัญหาการสบฟัน: ในบางกรณี การผ่าตัดแก้ไขคางยื่นสามารถช่วยแก้ไขปัญหาการสบฟันที่ผิดปกติได้ด้วย
  • ปรับปรุงการทำงานของระบบย่อยอาหาร: สำหรับผู้ที่มีปัญหาคางยื่นร่วมกับการสบฟัน การผ่าตัดจะช่วยให้การเคี้ยวอาหารเป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

ข้อเสียของการผ่าตัดแก้ไขคางยื่น

  • ต้องใช้เวลาพักฟื้น: หลังการผ่าตัด คุณจะต้องใช้เวลาพักฟื้นเพื่อให้แผลหายและร่างกายฟื้นตัว
  • มีค่าใช้จ่ายสูง: การผ่าตัดศัลยกรรมมีความค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง
  • มีความเสี่ยงจากการผ่าตัด: เช่น การติดเชื้อ การบวม อาการชา หรือผลลัพธ์ไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง
  • ต้องวางแผนการใช้ชีวิต: ในช่วงระยะเวลาพักฟื้น คุณอาจต้องปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตประจำวันบางอย่าง

ปรึกษาการปัญหา คางยื่น มาสเตอร์พีช ?

การศัลยกรรมปรับโครงหน้าเพื่อแก้ไขคางยื่น เป็นการผ่าตัดเพื่อปรับตำแหน่งของกระดูกคางให้เข้ารูปกับใบหน้ามากขึ้น ทำให้ใบหน้าดูสมส่วนและสวยงามขึ้น นอกจากนี้ การปรับโครงหน้ายังช่วยแก้ปัญหาอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับคางยื่น เช่น ปัญหาการสบฟัน หรือปัญหาในการเคี้ยวอาหารได้อีกด้วย

โรงพยาบาลมาสเตอร์พีช เป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับผู้ที่สนใจการศัลยกรรมปรับโครงหน้า โดยทีมแพทย์เฉพาะทางด้านศัลยกรรมปรับโครงหน้า พร้อมเทคโนโลยีที่ทันสมัย ทำให้มั่นใจได้ในผลลัพธ์ที่สวยงาม

แชร์เลย: