ซิลิโคนคาง ปรับหน้าเรียว เสริมความมั่นใจ

masterpiece

ซิลิโคนคาง เป็นการทำศัลยกรรมเพื่อให้คางมีรูปทรงสวยงามเข้ากับใบหน้ามากขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยปรับโครงหน้าเรียว ทำให้สัดส่วนใบหน้ามีความสมดุล ดูมีมิติมากขึ้นอีกด้วย ซิลิโคนคางเป็นตัวช่วยสำคัญที่จะเสริมความมั่นใจให้กับคนที่มีปัญหาคางตัด คางสั้น คางถอย ซึ่งในปัจจุบัน ด้วยเทคนิคและเครื่องมือที่ทันสมัย ทำให้การทำซิลิโคนคางจะไม่เป็นก้อน ไม่ห้อยย้อย และมีรอยต่อให้เห็นน้อยมาก จึงถือเป็นอีกตัวเลือกสำหรับการแก้ปัญหาใบหน้าที่น่าสนใจ ในวันนี้มาสเตอร์พีชได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับซิลิโคนคางมาให้เรียบร้อยแล้ว ไปดูพร้อมกันในบทความได้เลย

ซิลิโคนคาง คืออะไร มีกี่รูปแบบ  ? 

ซิลิโคนคาง คือการศัลยกรรมผ่าตัดเสริมคางด้วยซิลิโคน โดยการผ่าตัดเปิดแผลบริเวณคางในส่วนที่ต้องการเสริม และนำซิลิโคนคางใส่เข้าไป จุดประสงค์ของการทำซิลิโคนคาง คือการแก้ไขปัญหาคางตัด คางสั้น คางถอย ทำให้รูปคางมีความเรียวยาว มีมิติและมีความสมดุล หรือสำหรับใครที่ต้องการปรับโครงหน้าตัวเอง การทำซิลิโคนคางก็สามารถช่วยได้เช่นเดียวกัน ซิลิโคนคางสามารถทำได้ทั้งผู้ชายและผู้หญิง  อย่างไรก็ตาม แม้ว่าซิลิโคนจะเป็นวัสดุที่จัดรูปทรงได้ง่ายกว่าการใช้กระดูกอ่อนในร่างกายของตัวเอง และให้ผลลัพธ์ที่ถาวร แต่ก็อาจส่งผลต่อผู้ที่มีอาการแพ้ได้เช่นเดียวกัน ดังนั้น ก่อนจะทำซิลิโคนคางจึงควรมีการศึกษาข้อมูลอย่างละเอียด และปรึกษาแพทย์เพื่อความปลอดภัย

ซิลิโคนคาง มี 2 รูปแบบ ได้แก่

  • ซิลิโคนขาสั้น 

ซิลิโคนขาสั้น เป็นซิลิโคนขนาดเล็ก ไม่มีขายาวยื่นออกมาจากซิลิโคนทั้งสองข้าง นำมาตัดแต่งเหลาคางให้มีความนูนโค้ง รับกับรูปหน้า โดยซิลิโคนชนิดนี้จะเหมาะกับผู้ที่มีใบหน้าเล็ก ต้องการเสริมความยาวเฉพาะคางให้ดูยาวขึ้น หรือเหมาะสำหรับผู้ที่มีรูปคางอยู่แล้ว จุดประสงค์เพื่อเน้นปลายคางให้ดูสวยงามขึ้น และเข้ากับใบหน้ามากขึ้น รวมถึงปรับรูปหน้าให้มีความคมชัดมากขึ้น

  • ซิลิโคนขายาว

ซิลิโคนขายาว เป็นซิลิโคนที่มีด้านข้างยาวออกมา วางรับแนวโค้งตามความยาวไปบนกระดูกปลายคาง ทั้งยังสามารถตัดแต่งเหลารูปทรงให้เข้ากับใบหน้าได้ ไม่ก่อให้เกิดรอยต่อ ทำให้ดูเป็นธรรมชาติ ไม่เป็นก้อน และไม่ห้อยย้อย ทำให้ซิลิโคนชนิดนี้ได้รับความนิยมอย่างมาก ซิลิโคนขายาวเหมาะสำหรับทุกรูปหน้า ทั้งยังช่วยแก้ปัญหาคางตัด คางสั้น คางถอย ได้เป็นอย่างดี ทำให้คางดูเรียวยาว อีกทั้งยังปรับรูปหน้าให้มีสัดส่วนสมบูรณ์ขึ้นอีกด้วย

วัสดุซิลิโคนคาง ทำมาจากอะไร 

ซิลิโคนคาง ทำจากพลาสติกสังเคราะห์ ซึ่งสามารถนำมาใช้ได้อย่างหลากหลายตามความเหมาะสม โดยซิลิโคนที่นำมาใช้ในการทำศัลยกรรมจะต้องได้รับมาตรฐาน มีความปลอดภัย และยืดหยุ่นได้เป็นอย่างดี เพื่อให้สามารถจัดรูปทรงได้ง่าย และเข้ากับใบหน้าของแต่ละคน

วิธีการใส่ซิลิโคนเสริมคางมีกี่แบบ

สำหรับการใส่ซิลิโคนเสริมคาง สามารถทำได้ 3 รูปแบบ ดังนี้

  • เสริมซิลิโคนออกมาด้านหน้า

วิธีนี้เหมาะสำหรับคนที่มีปัญหาคางหลบ เพราะเมื่อมองจากด้านข้าง ผู้ที่มีปัญหาคางลักษณะนี้คางจะหลบไปด้านหลัง การเสริมซิลิโคนออกมาด้านหน้าจะทำให้คางดูยื่นออกมาด้านหน้า

  • เสริมซิลิโคนลงข้างล่าง

วิธีนี้เหมาะสำหรับคนที่มีปัญหาคางสั้น ซึ่งการวัดจะต้องได้สัดส่วนจากหน้าผาก จมูก และคาง

  • เสริมซิลิโคนตรงกลางระหว่างบนและล่าง

วิธีนี้เหมาะสำหรับคนที่มีปัญหาคางสั้น และคางหลบ โดยวิธีนี้จะเสริมออกมาตรงกลาง อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ที่มีปัญหาคางมาก และต้องการแก้ไขปัญหาคาง อาจจำเป็นจะต้องตัดกระดูก เลื่อนกระดูกกราม อีกทั้งยังต้องทำร่วมกับการจัดฟันด้วย

ซิลิโคนเสริมคางแบบไหนดี ขาสั้น VS ขายาว ?

ซิลิโคนขาสั้นและขายาว มีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันออกไป อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาจากข้อมูลเบื้องต้น จะพบว่า การเสริมคางด้วยซิลิโคนขาสั้นมีข้อจำกัด เนื่องจากไม่เหมาะกับคนที่มีกรามใหญ่ แต่เหมาะกับคนที่มีใบหน้าขนาดเล็กมากกว่า อีกทั้งรูปทรงของซิลิโคนขาสั้นยังเหมาะกับคนที่มีคางอยู่แล้ว ในขณะที่ซิลิโคนขายาวจะสามารถปรับให้เข้ากับใบหน้าของแต่ละคนได้ ซิลิโคนขายาวจะเนียนกับผิว ไม่เป็นก้อน และมีรอยต่อน้อยมาก ผลลัพธ์ที่ได้จะทำให้ใบหน้าเรียวสวย ดูเป็นธรรมชาติ และเหมาะกับใบหน้าของคนไข้ที่สุด ทำให้ซิลิโคนขายาวมีความหลากหลายกว่า

อย่างไรก็ตาม การจะใช้ซิลิโคนขาสั้นหรือขายาว ควรมีการปรึกษาแพทย์ที่มีประสบการณ์ เพื่อให้แพทย์ประเมิน เพราะจะทำให้ซิลิโคนที่ใช้รับกับใบหน้าของแต่ละคน และดูเป็นธรรมชาติมากที่สุด

การเตรียมตัวก่อนเสริมคางซิลิโคน 

สำหรับการเตรียมตัวก่อนเสริมคางซิลิโคน ถือเป็นส่วนหนึ่งที่จะทำให้การผ่าตัดผ่านไปอย่างราบรื่น แนะนำให้มีการเตรียมตัวดังนี้

  • งดใช้ยา อาหารเสริม หรือสมุนไพรใด ๆ ที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือดอย่างน้อย 7 วันก่อนผ่าตัด
  • งดสูบบุหรี่ และงดดื่มแอลกอฮอล์ อย่างน้อย 2 อาทิตย์ก่อนผ่าตัด เนื่องจากจะลดภูมิคุ้มกันของร่างกาย และยั้บยั้งการฟื้นฟูร่างกาย จะทำให้ติดเชื้อได้ง่าย และแผลหายช้า
  • งดใช้เครื่องสำอางค์ใด ๆ บนใบหน้าในวันผ่าตัด
  • แนะนำให้สวมเสื้อเชิ้ตที่มีกระดุมหน้า เพื่อง่ายต่อการถอดและสวมใส่
  • ควรแปรงฟันและบ้วนปากให้เรียบร้อยก่อนศัลยกรรมเสริมคาง
  • หากมีโรคประจำตัว หรือมีข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับการผ่าตัด ควรแจ้งให้แพทย์ทราบอย่างครบถ้วน
  • หากมีอาการผิดปกติใด ๆ ควรแจ้งแพทย์ทันที

 ขั้นตอนผ่าตัดเสริมคางซิลิโคน 

สำหรับการผ่าตัดเสริมคางซิลิโคน สามารถทำได้ 2 วิธี โดยแต่ละวิธีก็จะมีขั้นตอนแตกต่างกันออกไป ดังนี้

  1. ผ่าตัดเสริมคาง เปิดแผลใน

การผ่าตัดเสริมคาง เปิดแผลใน เป็นการผ่าตัดโดยเปิดแผลด้านในช่องปาก บริเวณเหงือกด้านในกับริมฝีปากล่าง โดยแพทย์จะเปิดแผลให้มีความยาวประมาณ 2 เซนติเมตร หรือขึ้นอยู่กับขนาดซิลิโคน แล้วจึงนำซิลิโคนวางเข้าไปในตำแหน่งที่เหมาะสม ก่อนจะเย็บปิดแผลด้วยไหมละลาย ซึ่งข้อดีของการผ่าตัดเสริมคางเปิดแผลใน คือจะไม่เห็นแผลภายนอกจากการผ่าตัด ทั้งยังทำความสะอาดได้ง่าย อย่างไรก็ตาม จำเป็นต้องระวังในเรื่องของเศษอาหารตกค้างในช่องปาก และอาการบวมที่จะนานกว่าการเปิดแผลด้านนอก

  1. ผ่าตัดเสริมคาง เปิดแผลนอก

สำหรับการผ่าตัดเสริมคาง เปิดแผลนอก จะเป็นการผ่าตัดโดยเปิดแผลบริเวณใต้คางประมาณ 1 เซนติเมตร เพื่อนำซิลิโคนไปวางในตำแหน่งเฉียงลงล่าง ทำให้ใบหน้าเรียวขึ้น และปรับแต่งตามความต้องการของคนไข้ ซึ่งการผ่าตัดจะทำร่วมกับยาชา ใช้เวลาประมาณ 30-50 นาที ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล ซึ่งข้อดีของการผ่าตัดเสริมคางเปิดแผลนอก คือแพทย์จะวางซิลิโคนได้แม่นยำกว่า อีกทั้งยังลดความเสี่ยงติดเชื้อจากเศษอาหารในปากและน้ำลายด้วย อย่างไรก็ตาม การผ่าตัดแบบนี้อาจไม่เหมาะกับคนที่เกิดรอยแผลเป็นง่าย 

ขั้นตอนดูแลตัวเองหลังผ่าตัดเสริมคางซิลิโคน 

การดูแลตัวเองหลังการผ่าตัดเสริมคางซิลิโคน ถือเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ผลลัพธ์ออกมาดีที่สุด ดังนั้น จึงควรมีการดูแลตัวเอง ดังนี้

  • ควรประคบเย็น 1-3 วันแรก หลังจากนั้นจึงเปลี่ยนเป็นประคบอุ่น
  • หลีกเลี่ยงไม่ให้แผลโดนน้ำ เพราะอาจติดเชื้อ หรือควรทำให้แผลแห้งตลอดเวลา
  • งดล้างหน้า หรือควรทำให้ใบหน้าแห้งตลอดเวลา จนกว่าจะตัดไหมเสร็จเรียบร้อย
  • ทำความสะอาดแผลตามที่แพทย์แนะนำอย่างสม่ำเสมอ
  • ควรดื่มน้ำบ่อย ๆ เพื่อป้องกันริมฝีปากแห้ง
  • บ้วนปากด้วยน้ำเกลือ หรือน้ำยาบ้วนปากทุกครั้งหลังรับประทานอาหาร
  • ควรนอนหมอนสูงในช่วง 1-2 สัปดาห์แรก เพื่อลดโอกาสการเบี้ยวเอียง
  • งดดื่มแอลกอฮอล์ และงดสูบบุหรี่ อย่างน้อย 1 เดือน
  • งดออกกำลังกายอย่างน้อย 1 เดือน
  • รับประทานยาและปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด
  • เข้าพบแพทย์ตามนัดหมาย เพื่อติดตามผลอย่างสม่ำเสมอ
  • หากมีอาการผิดปกติใด ๆ ควรแจ้งแพทย์ทันที

ซิลิโคนคางขยับได้  ต้องแก้หรือไม่ เกิดจากอะไร

ซิลิโคนคางขยับได้ หรือเรียกอีกอย่างว่าซิลิโคนลอย (Floating Silicone Implant) คือภาวะที่ซิลิโคนมีการขยับได้ง่าย ซึ่งจะขยับมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล ในบางกรณีอาจเห็นซิลิโคนลอยเป็นก้อนอย่างชัดเจน จนส่งผลต่อความมั่นใจ โดยเกิดจากสาเหตุ ดังนี้

  • การเปิดช่องว่างเพื่อวางซิลิโคนอยู่ในชั้นตื้นเกินไป ไม่วางใต้ชั้นเยื่อหุ้มกระดูก ทำให้ซิลิโคนไม่แนบไปกับแนวขากรรไกร ขยับโยกได้ และอาจส่งผลให้ซิลิโคนคางเอียง
  • เยื่อหุ้มกระดูกตามแนวขากรรไกรของคนไข้หลวม ในกรณีนี้ จะทำให้เมื่อเสริมซิลิโคนที่ไม่หนามากขยับได้ง่าย แม้ว่าจะวางใต้ชั้นเยื่อหุ้มกระดูกก็ตาม
  • การติดเชื้อในเนื้อเยื่อของคาง จนเกิดเป็นหนองภายในจมูก รอบ ๆ ซิลิโคน ทำให้ซิลิโคนลอย อีกทั้งยังมีอาการบวม แดง ร้อน และปวดร่วมด้วย

อย่างไรก็ตาม ภาวะที่ซิลิโคนคางขยับเพียงเล็กน้อย โดยไม่มีภาวะคางตึงบาง ปลายคางบางใส หรือซิลิโคนเอียงผิดแนวคางอย่างรุนแรง อาจไม่จำเป็นต้องแก้ไข แต่ในกรณีที่ซิลิโคนขยับจนลอยมาก ส่งผลต่อรูปทรงคางของคนไข้ ควรมีการแก้ไข เพื่อความมั่นใจ และป้องกันภาวะอื่น ๆ ที่อาจตามมาได้ โดยแนวทางการแก้ไข อาจมีการปรับเปลี่ยนซิลิโคน หรือเปลี่ยนเป็นการเสริมคางโดยใช้กระดูกตัวเอง เพราะเนื้อเยื่อจะยึดติดชั้นผิว ทำให้หลังเสริมจะไม่ขยับไปมา ซึ่งแพทย์จะเป็นผู้พิจารณาตามความเหมาะสม

ปรึกษา ซิลิโคนคาง ที่โรงพยาบาลมาสเตอร์พีช

ทั้งหมดนี้ก็คือข้อควรรู้เกี่ยวกับซิลิโคนคางที่มาสเตอร์พีชรวบรวมมาให้ ใช้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจสำหรับใครที่สนใจเสริมคาง หรืออาจจะกำลังมีแพลนเสริมซิลิโคนคาง ซึ่งในปัจจุบันด้วยเครื่องมือและเทคนิคที่ทันสมัย ทำให้การเสริมคางดูเป็นธรรมชาติ ไม่เป็นก้อน ไม่ห้อยย้อย และมีรอยต่อน้อยมาก อย่างไรก็ตาม ก่อนจะทำศัลยกรรมใด ๆ ควรมีการปรึกษาแพทย์เพื่อความปลอดภัย และผลลัพธ์ที่ดีที่สุดสำหรับใครที่สนใจปรึกษาเกี่ยวกับซิลิโคนคาง เพื่อปรับหน้าเรียว และแก้ไขปัญหาบนใบหน้า โรงพยาบาลมาสเตอร์พีชมีบริการให้คำปรึกษา พร้อมทั้งเสริมซิลิโคนคาง ด้วยแพทย์ที่มีประสบการณ์ พร้อมทั้งมาตรฐานโรงพยาบาล คอยดูแลก่อนและหลังการผ่าตัดอย่างใกล้ชิด มั่นใจได้ว่าผลลัพธ์จะออกมาตรงตามความต้องการที่สุด

แชร์เลย: