บอกลา โครงหน้าเบี้ยว ด้วยศัลยกรรมปรับโครงหน้า

ผู้หญิงหน้าตรงแบ่งหน้าออกเป็น 2 ฝั่ง แสดงให้เห็นถึงก่อนและหลังการทำศัลยกรรมปรับโครงหน้า

โครงหน้าเบี้ยว โครงหน้าเหลี่ยม โครงหน้าไม่ได้สัดส่วน เป็นสิ่งที่ทำให้หลายคนสูญเสียความมั่นใจ การมีใบหน้าที่สวยงาม ได้สัดส่วน จึงเป็นสิ่งที่หลายคนปรารถณา เพราะใบหน้าที่สวยนั้นทำให้ใบหน้าดูมีเสน่ห์น่าเข้าหา การศัลยกรรมปรับโครงหน้าจึงเป็นทางออกให้กับใคร หลาย ๆ คนที่อยากมีโครงหน้าสวยอย่างถาวร

การศัลยกรรมปรับโครงหน้าไม่เพียงแต่ทำให้หน้าสวยงามเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังช่วยให้การบดเคี้ยวอาหารมีคุณภาพมากขึ้น ในบางรายอาจะไม่แก้แค่จุดที่โครงหน้าเบี้ยวอย่างเดียว แต่ทำจมูก หรือหน้าผากเพิ่มเติมเพื่อเสริมสัดส่วนบนใบหน้าให้สมดุลมากขึ้น

ผู้หญิงหันข้าง มีลูกศรลากข้างจ่กปากไปถึงโหนกแก้ม แสะให้เห็นถึงทิศทางหางมีอาการโคงหน้าเบี้ยว

โครงหน้าเบี้ยว คืออะไร?

โครงหน้าเบี้ยวคือ โครงหน้าที่มีลักษณะไม่สมมาตรกันทั้งสองข้าง ซึ่งอาจเกิดจากความผิดปกติของกระดูกโครงสร้างใบหน้า เช่น ขากรรไกรล่างเบี้ยว ขากรรไกรบนเบี้ยว โหนกแก้มเบี้ยว คางเบี้ยว เป็นต้น โครงหน้าเบี้ยวอาจเกิดขึ้นได้ตั้งแต่กำเนิด หรืออาจเกิดจากอุบัติเหตุ

  • ใบหน้าไม่สมมาตรกันทั้งสองข้าง สังเกตได้จากเส้นแบ่งใบหน้าที่ลากจากหน้าผากลงมาตามกลางจมูก คาง และริมฝีปาก หากเส้นแบ่งใบหน้าไม่ตรงกลางใบหน้า นั่นแสดงว่าใบหน้าไม่สมมาตรกัน
  • ปากเบี้ยว สังเกตได้จากมุมปากทั้งสองข้างไม่เท่ากัน หรือเมื่อยิ้ม หรือพูดอาจทำให้มุมปากเบี้ยว
  • คางเบี้ยว สังเกตได้จากคางไม่ตรงกลางใบหน้า หรือคางเอียงไปด้านใดด้านหนึ่ง
  • โหนกแก้มเบี้ยว สังเกตได้จากโหนกแก้มทั้งสองข้างไม่เท่ากัน
  • ใบหน้าไม่เข้ารูป สังเกตได้จากใบหน้าดูไม่สมดุล หรือใบหน้าดูไม่เรียบร้อย
  • มีปัญหาในการเคี้ยวอาหาร หากโครงหน้าเบี้ยวรุนแรงอาจทำให้เคี้ยวอาหารลำบาก หรือมีปัญหาในการสบฟัน
ผู้หญิงมองเอียง พร้อมข้อความ โครงหน้าเบี้ยวเกิดจากอะไร

โครงหน้าเบี้ยว เกิดจากอะไร

  • พันธุกรรม : โครงหน้าเบี้ยวสามารถถ่ายทอดทางพันธุกรรมได้ หากพ่อแม่ หรือญาติมีโครงหน้าเบี้ยว โอกาสที่ลูกจะมีโครงหน้าเบี้ยวก็สูงตามไปด้วย
  • การเจริญเติบโตของกระดูก : โครงหน้าของมนุษย์จะเจริญเติบโตเต็มที่เมื่ออายุประมาณ 18 – 20 ปี ในช่วงนี้ หากมีการเจริญเติบโตของกระดูกที่ไม่สมดุลกัน ก็อาจทำให้เกิดโครงหน้าเบี้ยวได้ เช่น ขากรรไกรล่างยื่นเอียงผิดปกติ
  • อุบัติเหตุ : อุบัติเหตุที่ส่งผลกระทบรุนแรงต่อใบหน้า เช่น กระดูกหัก กระดูกแตก ทำให้โครงหน้าเบี้ยว
  • โรคบางชนิด : โรคบางชนิด เช่น โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง โรคปลอกประสาทอักเสบ ก็สามารถทำให้โครงหน้าเบี้ยวได้

โครงหน้าเบี้ยวจัดฟันหายไหม

ขึ้นอยู่กับสาเหตุของโครงหน้าเบี้ยว หากโครงหน้าเบี้ยวเกิดจากฟันไม่สบกัน การจัดฟันสามารถช่วยปรับฟันให้เรียงตัวได้ดีขึ้น ส่งผลให้รูปหน้าดูสมมาตรมากขึ้น แต่หากโครงหน้าเบี้ยวเกิดจากกระดูกขากรรไกร การจัดฟันเพียงอย่างเดียวอาจไม่สามารถแก้ไขได้ทั้งหมด จำเป็นต้องผ่าตัดขากรรไกรร่วมด้วย

สรุปได้ว่า การจัดฟันสามารถช่วยแก้ไขโครงหน้าเบี้ยวได้หากเกิดจากฟันไม่สบกัน แต่หากโครงหน้าเบี้ยวเกิดจากกระดูกขากรรไกรจำเป็นต้องผ่าตัดขากรรไกรร่วมด้วย

ผู้หญิง มีมือขวาจิ้มคาง พร้อมข้อความ การศัลยกรรมปรับโครงหน้าเหมาะกับใคร

การศัลยกรรมปรับโครงหน้าเหมาะกับใคร

การศัลยกรรมปรับโครงหน้าเป็นการผ่าตัดเพื่อปรับปรุงรูปหน้าให้สวยสมส่วน โดยการตัดกระดูก เนื้อเยื่อส่วนเกินออก หรือเพิ่มกระดูก และเนื้อเยื่อส่วนใหม่เข้าไป เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาดังต่อไปนี้

  • โครงหน้าเบี้ยว มีลักษณะใบหน้าด้านใดด้านหนึ่งใหญ่ หรือเล็กกว่าอีกด้านหนึ่ง
  • โครงหน้าไม่ได้สัดส่วน ไม่สมมาตร
  • โครงหน้ากลมใบหน้าไม่มีมิติ หน้าผากแบน โหนกแก้มใหญ่ คางสั้น
  • โครงหน้าเหลี่ยม  มีลักษณะ ใบหน้ามีมุมเหลี่ยม โหนกแก้มสูง คางยาว
  • คางสั้น คางมีความยาวน้อยกว่าปกติ ทำให้ใบหน้าดูสั้น
  • คางยื่น มีลักษณะ คางยื่นออกมามากกว่าปกติ ทำให้ใบหน้าดูดุ 
  • ฟันไม่สบกัน ฟันบน และฟันล่างไม่เข้ากัน ทำให้ใบหน้าดูเบี้ยว
วิธีรักษาโครงหน้าเบี้ยว
1.ฉีดสารเติมเต็ม
2.จัดฟัน
3.ร้อยไหมยกกระชับ
4.ผ่าตัดศัลยกรรม

วิธีรักษาโครงหน้าเบี้ยว

  • การฉีดสารเติมเต็ม

การฉีดสารเติมเต็มแก้หน้าไม่เท่ากัน เป็นวิธีการรักษาที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน เนื่องจากสามารถช่วยปรับรูปหน้าให้สมมาตรมากขึ้นได้ โดยสารเติมเต็มที่นิยมใช้ ได้แก่ สารเติมเต็มไฮยาลูรอนิค แอซิด (Hyaluronic acid) ซึ่งเป็นสารธรรมชาติที่พบได้ในร่างกายมนุษย์ มีคุณสมบัติในการดูดซับความชุ่มชื้นได้ดี จึงช่วยเติมเต็มร่องลึกบนใบหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ผลลัพธ์ของการฉีดสารเติมเต็มจะคงอยู่ได้ประมาณ 6 – 12 เดือน จากนั้นสารเติมเต็มจะเริ่มสลายไปเองตามธรรมชาติ จึงอาจต้องมีการฉีดซ้ำทุก 6 – 12 เดือน เพื่อให้ผลลัพธ์คงอยู่

  • การจัดฟัน

การจัดฟันสามารถช่วยแก้ปัญหาหน้าเบี้ยวได้ แต่ขึ้นอยู่กับสาเหตุของความเบี้ยวหน้าด้วย หากความเบี้ยวหน้าเกิดจากฟันไม่เรียงตัว การจัดฟันสามารถช่วยเรียงตัวฟันให้ตรงได้ ส่งผลให้ใบหน้าดูสมมาตรมากขึ้น อย่างไรก็ตาม หากความเบี้ยวหน้าเกิดจากกระดูกขากรรไกร การจัดฟันเพียงอย่างเดียวอาจไม่สามารถแก้ไขได้ทั้งหมด จำเป็นต้องอาศัยการผ่าตัดขากรรไกรร่วมด้วย

  • การร้อยไหม ยกกระชับ

การร้อยไหมสามารถแก้ปัญหาใบหน้าไม่เท่ากันได้ โดยแพทย์จะร้อยไหมเข้าไปใต้ผิวหนังบริเวณที่ใบหน้าไม่เท่ากัน โดยการใช้ไหมชนิดพิเศษที่มีเงี่ยงช่วยยึดเกาะกับเนื้อเยื่อใต้ผิวหนัง ทำให้สามารถดึงเนื้อเยื่อให้กระชับขึ้นและปรับรูปหน้าให้เท่ากันได้ ซึ่งผลลัพธ์ของการร้อยไหมจะคงอยู่ได้ประมาณ 1 – 3 ปี ขึ้นอยู่กับชนิดของไหมที่ใช้และการดูแลหลังทำ

  • การผ่าตัดศัลยกรรม

การผ่าตัดศัลยกรรมแก้โครงหน้าเบี้ยว เป็นการผ่าตัดเพื่อแก้ไขโครงหน้าที่ไม่สมมาตร โดยใช้วิธีการผ่าตัดกระดูกขากรรไกร เพื่อเคลื่อนย้ายตำแหน่งของขากรรไกรให้อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม ส่งผลให้ใบหน้ามีความสมมาตรมากขึ้น การผ่าตัดนี้มักทำควบคู่กับการจัดฟัน เพื่อจัดให้ฟันเรียงตัวกันอย่างเหมาะสม

ครึ่งหน้าด้านล่างมีกราฟิกเส้นประเป็นสามเหลี่ยมช่วงกราม

8เทคนิคที่ใช้ในการแก้ไข

  1. เทคนิคเปิดแผลนอกช่องปาก (External Jaw Reduction)

เป็นเทคนิคการผ่าตัดแบบดั้งเดิม ศัลยแพทย์จะเปิดแผลบริเวณมุมกรามทั้ง 2 ข้าง ยาวประมาณ 2 – 3 เซนติเมตร เพื่อเข้าถึงกระดูกกราม จากนั้นจึงใช้เครื่องมือตัดกระดูกกรามออกตามขนาดที่ต้องการ เทคนิคนี้มีข้อดีคือ ศัลยแพทย์สามารถมองเห็นกระดูกกรามได้ชัดเจน ทำให้สามารถตัดกระดูกได้อย่างแม่นยำ แต่มีข้อเสียคือ ทำให้เกิดแผลเป็นบริเวณมุมกราม ซึ่งอาจมองเห็นได้ชัดเจน

  1. เทคนิคเปิดแผลในช่องปาก (Internal Jaw Reduction)

เป็นเทคนิคการผ่าตัดแบบใหม่ ศัลยแพทย์จะเปิดแผลบริเวณซอกเหงือกด้านหลังฟันกราม เข้าไปที่มุมกระดูกขากรรไกร จากนั้นจึงใช้เครื่องมือตัดกระดูกกรามออกตามขนาดที่ต้องการ เทคนิคนี้มีข้อดีคือ ไม่เห็นแผลเป็นบริเวณมุมกราม แต่มีข้อเสียคือ ศัลยแพทย์อาจมองเห็นกระดูกกรามได้ยากกว่าเทคนิคเปิดแผลนอกช่องปาก ทำให้อาจตัดกระดูกกรามไม่เท่า กันหรือผิดตำแหน่งได้

ห้องผ่าตัดศัลยกรรมตกแต่ง

การเตรียมตัวก่อนการผ่าตัด

การผ่าตัดปรับโครงหน้า ถือเป็นการผ่าตัดใหญ่ที่ต้องทำภายใต้การดมยาสลบ ควรเตรียมตัวให้พร้อมก่อนเข้ารับการผ่าตัด เพื่อลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นระหว่างผ่าตัด และช่วยให้การผ่าตัดเป็นไปอย่างราบรื่นผลลัพธ์ออกมาตรงตามความต้องการของคนไข้

  1. แจ้งโรคประจำตัว
    ประวัติการรักษา ประวัติการแพ้ยา รวมถึงยาที่ใช้ในปัจจุบันให้แพทย์ทราบ เพื่อประเมินการหยุดยาบางชนิดที่มีผลต่อการผ่าตัด
  2. งดยาบางชนิด
    เช่น ยาละลายลิ่มเลือด ยาแอสไพริน ยาไอบูโพรเฟน อาหารเสริมบางชนิด เช่น วิตามินอี น้ำมันปลา สมุนไพร โสม ใบแปะก๊วย น้ำมันปลา อย่างน้อย 2 สัปดาห์ก่อนการผ่าตัด
  3. งดสูบบุหรี่
    และแอลกอฮอล์อย่างน้อย 2 สัปดาห์ก่อนการผ่าตัด เนื่องจากสารในบุหรี่ และแอลกอฮอล์ มีผลต่อปริมาณออกซิเจนในเลือด 
  4. ควรพักผ่อนให้เเพียงพอ
    ก่อนการผ่าตัด เพื่อให้ร่างกายฟื้นตัวได้เร็วขึ้น
  5. ควรงดน้ำ งดอาหารก่อนผ่าตัด
    6 – 8 ชั่งโมงตามแพทย์สั่ง เพราะอาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนอันตรายอย่าง เศษอาหารปิดช่องทางเดินของระบบหายใจ, การสำลักอาหาร, เนื่องจากส่งผลทำให้ปอดอักเสบได้
  6. ถอดฟันปลอม
    (ชนิดถอดได้) เพื่อป้องกันการหลุดเข้าไปติดหลอดลมขณะทำการผ่าตัด

ขั้นตอนการผ่าตัด

  1. ดมยาสลบโดยวิสัญญีแพทย์
  2. กระดูกที่ตัดออกมาจะถูกจัดวางใหม่ตามตำแหน่งที่ต้องการ 
  3. แล้วยึดด้วยแผ่นโลหะดามกระดูกหรือสกรู
  4. แพทย์จะปิดแผลผ่าตัดด้วยไหมเย็บ
แพทย์ประจำของโรงพยาบาลมาสเตอร์พีช กับข้อความ การดูแลตัวเองหลังผ่าตัด

การดูแลตัวเองหลังผ่าตัด

  1. หลังจากการผ่าตัด 24 – 48 ชั่วโมง แนะนำให้คนไข้ประคบเย็นด้วยผ้าชุบน้ำเย็น หรือเจลเย็น เพื่อลดอาการบวมช้ำได้ค่ะ 
  2. หลังจากการผ่าตัด 2 – 3 วันแรก ขณะเข้านอนแนะนำให้ส่วนหัวยกสูงกว่าลำตัว หรือให้นอนหนุนหมอนสูง ไม่ควรนอนคว่ำ หรือนอนตะแคง เพื่อลดอากการบวม และช่วยให้แผลยุบเร็วขึ้น
  3. หลังจากผ่าตัดมาแล้วในช่วง 3 วันแรก คนไข้ควรทำความสะอาดช่องปาก ด้วยการแปรงฟันเบา ๆ และใช้น้ำเกลือบ้วนปากทุกครั้ง หลังรับประทานอาหาร เพื่อป้องกันการสะสมของเชื้อโรคภายในช่องปาก
  4. งดออกกำลังกายหนัก ๆ หรือกิจกรรมที่กระทบกระเทือนบริเวณแผลผ่าตัด ประมาณ 2 – 3 สัปดาห์ เนื่องจากอาจทำให้โครงสร้างใบหน้าผิดรูปได้ค่ะ 
  5. หลีกเลี่ยงการนอนกดทับบริเวณแผลที่ผ่าตัดมา แนะนำให้นอนหงายหน้าประมาณ 1 เดือน เพื่อป้องกันขากรรไกรผิดรูป
  6. หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่มีรสจัด หรืออาหารประเภทหมักดองทุกชนิด แนะนำให้ทานอาหารอ่อน ๆ อย่างเช่น ข้ามต้ม โจ๊ก เป็นต้น เพื่อป้องกันแผลผ่าตัดอักเสบ และแผลหายบวมช้า 
  7. ควรรับประทานยาปฏิชีวนะตามแพทย์สั่งจนหมด หรือกว่าแผลจะหายเป็นปกติ เพื่อป้องกันอาการเจ็บปวด หรือบวมช้ำ และแผลติดเชื้อ
ภายในโรงพยาบาลมาสเตอร์พีช บริเวณจุดรับรองแขก

ผ่าตัดโครงหน้าเบี้ยวที่ไหนดี เลือกจากอะไร?

การผ่าตัดโครงหน้าเบี้ยวเป็นการผ่าตัดที่มีความเสี่ยง และมีความสำคัญ ดังนั้นการเลือกสถานพยาบาลที่รับผ่าตัดโครงหน้าเบี้ยวจึงเป็นสิ่งที่ควรให้ความสำคัญ ปัจจัยในการเลือกสถานพยาบาลที่รับผ่าตัดโครงหน้าเบี้ยว มีดังนี้

  • ทีมแพทย์ เป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุดในการประกอบการตัดสินใจ ทีมแพทย์ควรเป็นแพทย์เฉพาะทางด้านศัลยกรรมตกแต่งใบหน้า และขากรรไกร มีประสบการณ์เชี่ยวชาญในการผ่าตัดโครงหน้าเบี้ยว มีความรู้ความเข้าใจในโครงสร้างของกระดูก และกล้ามเนื้อใบหน้าเป็นอย่างดี
  • เทคโนโลยีและอุปกรณ์ทางการแพทย์ เทคโนโลยี และอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ทันสมัย มีประสิทธิภาพ จะช่วยให้การผ่าตัดโครงหน้าเบี้ยวเป็นไปอย่างแม่นยำ และปลอดภัยยิ่งขึ้น
  • มาตรฐานความปลอดภัย สถานพยาบาลควรมีมาตรฐานความปลอดภัยที่เป็นไปตามเกณฑ์ที่กำหนด เช่น มีห้องผ่าตัดที่สะอาด ปลอดเชื้อ มีอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ทันสมัย ครบครัน มีทีมพยาบาล และบุคลากรทางการแพทย์ที่เชี่ยวชาญมีประสบการณ์

ที่โรงพยาบาลมาสเตอร์พีช มีแพทย์ผู้มีประสบการณ์เฉพาะทางด้านการตกแต่งใบหน้า พร้อมทั้งมีเทคโนโลยีที่ทันสมัย ด้วยเทคโนยี 3D CT Scan ที่ทำให้มองเห็นโครงสร้างภายใต้ผิวหนัง ช่วยให้แพทย์ระบุตำแหน่งเส้นประสาทได้อย่างแม่นยำ และชัดเจน เพื่อป้องกันการศัลยกรรมโดนเส้นประสาท คนไข้จึงมั่นใจได้เลยว่าจะได้รับความปลอดภัยสูงสุดในการผ่าตัดค่ะ

แชร์เลย: