การผ่าตัดตกแต่งใบหน้าให้ดูเป็นผู้หญิง (Facial Feminization Surgery : FFS)

การผ่าตัดตกแต่งใบหน้าให้ดูเป็นผู้หญิง

การผ่าตัดตกแต่งใบหน้าให้ดูเป็นผู้หญิง หรือ FFS เป็นกระบวนการศัลยกรรมตกแต่งแบบบูรณาการ ที่ออกแบบมาเพื่อปรับใบหน้าให้ดูเป็นผู้หญิงมากขึ้น โดยส่วนใหญ่ผู้รับบริการเป็นกลุ่มสาวข้ามเพศ (Trans women)

การศัลยกรรมใบหน้าให้ดูเป็นผู้หญิง? การศัลยกรรมใบหน้าเพื่อความเป็นหญิงเป็นการรวมการทำหลาย ๆ หัตถการ เพื่อจุดประสงค์หลักในการเปลี่ยนรูปหน้าและคุณลักษณะต่าง ๆ ให้มีรูปลักษณ์ที่เป็นผู้หญิงมากขึ้น 

คลิกอ่านหัวข้อที่สนใจได้เลย

ใครที่เหมาะกับการศัลยกรรมใบหน้าให้ดูเป็นผู้หญิง?

  • กลุ่มสาวข้ามเพศ (Trans women) ที่ต้องปรับลักษณะใบหน้าให้ดูละมุน เป็นผู้หญิง
  • กลุ่มผู้หญิง (Women) ที่มีลักษณะแข็ง ไม่ละมุนเป็นผู้หญิง และต้องการปรับให้ดูละมุนตามเพศกำเนิด

รูปก่อนและหลังทำ

ใครที่เหมาะกับการศัลยกรรมใบหน้าให้ดูเป็นผู้หญิง?

ความแตกต่างระหว่างรูปหน้าผู้หญิง และผู้ชาย

ความแตกต่างระหว่างรูปหน้าผู้หญิง และผู้ชาย

ความแตกต่างระหว่างใบหน้าของผู้ชายและผู้หญิงนั้นมีความละเอียดอ่อน แต่สามารถสังเกตได้จากรูปร่างและโครงสร้างโดยรวมของใบหน้าความแตกต่างเหล่านี้เกิดจากผลของการแยกแยะทางเพศ (Sexual Dimorphism) ซึ่งหมายถึงความแตกต่างทางกายภาพระหว่างผู้ชายและผู้หญิงของสายพันธุ์เดียวกัน

ปรึกษาหมอฟรี

รายละเอียดดังต่อไปนี้ คือความแตกต่างหลักๆ ระหว่างใบหน้าของผู้ชายและผู้หญิง

1. โหนกคิ้ว (Brow Ridge)

ผู้ชาย – ส่วนใหญ่โหนกคิ้วจะมีความเด่นชัดในผู้ชาย ทำให้ใบหน้าดูมีแข็ง และเด่นชัดโดยเฉพาะบริเวณรอบๆ ตา
ผู้หญิง – ส่วนใหญ่มักมีโหนกคิ้วที่เรียบเนียนและไม่เด่นชัดในผู้หญิง ทำให้ใบหน้าดูอ่อนโยนและดูละมุน

2. แนวขากรรไกรและคาง

ผู้ชาย – ขากรรไกรของผู้ชายมักจะกว้างและสี่เหลี่ยมมากกว่า และคางมักจะเด่นชัดและมีมุมคม
ผู้หญิง – ขากรรไกรของผู้หญิงมักจะแคบกว่า และคางมักจะมีรูปร่างกลมและนุ่มนวล ดูไม่คมชัดเหมือนผู้ชาย

3. โหนกแก้ม (Zygomatic Arches)

ผู้ชาย – โหนกแก้มของผู้ชายมักจะต่ำและไม่เด่นชัดมากนัก ทำให้ใบหน้ามีรูปร่างกว้างและมุมคม
ผู้หญิง – โหนกแก้มของผู้หญิงมักจะสูงและเด่นชัดกว่ามักจะอยู่ตำแหน่งที่ยื่นไปข้างหน้า ทำให้ใบหน้าดูมีมิติและเส้นสายที่สวยงาม

4. จมูก

ผู้ชาย – กระดูกจมูกในผู้ชายมักจะใหญ่และเด่นชัดกว่า
ผู้หญิง – กระดูกจมูกของผู้หญิงมักจะเล็กและแคบกว่ามีลักษณะโค้งนุ่มที่สะพานจมูก

5. เบ้าตา (Orbit)

ผู้ชาย – เบ้าตาของผู้ชายมักจะใหญ่และมีรูปสี่เหลี่ยมคม มักมีโหนกคิ้วที่เด่นชัด
ผู้หญิง – เบ้าตาของผู้หญิงลักษณะกลมและความโค้งมนมากกว่า นอกจากนี้ยังขอบตาที่บางและละเอียดกว่า

6. ความกว้างของใบหน้า

ผู้ชาย – ส่วนใหญ่ใบหน้าของผู้ชายจะมีความกว้าง โดยเฉพาะบริเวณโหนกแก้มและขากรรไกร ทำให้ใบหน้ามีรูปร่างกว้างขึ้น
ผู้หญิง – ใบหน้าของผู้หญิงมักจะแคบกว่า โดยเฉพาะในบริเวณขากรรไกรและโหนกแก้ม ทำให้ใบหน้ามีรูปร่างเป็นรูปไข่หรือรูปหัวใจ

7. หน้าผาก

ผู้ชาย – หน้าผากของผู้ชายมักจะลาดลงและไม่โค้งมนเท่าผู้หญิง
ผู้หญิง – หน้าผากของผู้หญิงมักจะตรงและโค้งมนมากกว่า ทำให้ใบหน้าดูมีความนุ่มนวลและอ่อนเยาว์

8. ฟันและขากรรไกรล่าง

ผู้ชาย – ขากรรไกรล่างของผู้ชายมักจะใหญ่และแข็งแรงกว่า มีมุมที่เด่นชัด (ทำให้ใบหน้ามีกรอบที่สี่เหลี่ยม)
ผู้หญิง – ขากรรไกรล่างของผู้หญิงมักจะเล็กและกลมกว่า ทำให้ใบหน้าดูมีความนุ่มนวลและไม่คมชัด

9. สัดส่วนและเส้นสายโดยรวม

ผู้ชาย – ใบหน้าของผู้ชายจะมีมุมที่เด่นชัด โครงสร้างที่แข็งแรง เช่น มุมที่ชัดเจนที่ขากรรไกร โหนกคิ้ว และโหนกแก้ม ทำให้ใบหน้าดูมีมิติและเป็นมุม
ผู้หญิง – ใบหน้าของผู้หญิงมักจะมีความละมุนที่ทำให้ดูนุ่มนวลและกลมกลืนกัน เช่น ขอบขากรรไกรที่กลมกลืนและโครงสร้างใบหน้าที่เนียนนุ่ม

ก่อนการผ่าตัดใบหน้าเพื่อความเป็นหญิง

ก่อนการผ่าตัดใบหน้าเพื่อความเป็นหญิง
  1. ในหลายๆ เคสที่มีเป้าหมายในการทำหลายๆ หัตถการ เจ้าหน้าที่อาจต้องพาผู้รับบริการทำการสแกนใบหน้า 3 มิติ (CT Scan) เพื่อให้แพทย์นำผลแสกนมาพิจารณาในการประเมินการเพื่อวางแผนผ่าตัดร่วมกับผู้รับบริการ 
  1. แพทย์จะทำการประเมินอย่างละเอียด โดยซักถามผู้รับบริการเกี่ยวกับเป้าหมายในการผ่าตัด ความคาดหวัง ข้อมูลด้านสุขภาพ ไลฟ์สไตล์ พร้อมอธิบายถึงการเตรียมตัว และการดูแลหลังผ่าตัด 
  1. ผู้รับบริการสามารถพิจารณาแผนการผ่าตัด พร้อมนัดวันเพื่อตรวจสุขภาพ และวันผ่าตัดกับเจ้าที่ผู้ดูแลได้

การผ่าตัดใบหน้าให้เป็นผู้หญิงใช้เวลานานเท่าใด ?

ขึ้นอยู่กับแผนการผ่าตัด ว่าผู้รับบริการมีปัญหาส่วนใดบนใบหน้าหรือต้องการปรับแก้ไขส่วนใดเป็นพิเศษ ยกตัวอย่างเช่น หากอยากปรับแก้โครงหน้า 3 จุด (5-6 ชั่วโมง) พร้อมกับการเลื่อนไรผมหรือเสริมหน้าผาก (2 ชั่วโมง) รวมเป็น 7-8 ชั่วโมง เป็นต้น

รายละเอียดที่ควรทราบเพิ่มเติม 

  • การตัดไหม หรือนำแม็กทางการแพทย์ที่ปิดแผลออก ขึ้นอยู่กับแผลของหัตถการที่ทำ อาจอยู่ในระหว่าง 7-14 วัน 
  • อาจมีอาการบวม ช้ำ หลายวัน หรือหลายกว่าจะหายเป็นปกติ การฟื้นตัวแตกต่างกันไปในแต่ละคน ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายปัจจัย

ขั้นตอนของการศัลยกรรมใบหน้าเพื่อความเป็นหญิง

ขั้นตอนของการศัลยกรรมใบหน้าเพื่อความเป็นหญิง

แผนการผ่าตัดขึ้นอยู่กับดุลยพินิจระหว่างแพทย์ผู้ผ่าตัดกับผู้รับบริการ  โดยรวมถึงขั้นตอนต่อไปนี้ ซึ่งอาจจะมีหนึ่งขั้นตอนหรือมากกว่านั้น ขึ้นอยู่กับแต่ละเคส

ขั้นตอน

  1. แพทย์ผู้ทำการผ่าตัดจะพูดคุยกับคนไข้ ทวนแผนการผ่าตัดให้ผู้รับบริการทราบ และออกแบบใบหน้า 
  2. วิสัญญีแพทย์ ทำการซักข้อมูล และนำสู่ขั้นตอนการดมยาสลบ
  3. เริ่มการผ่าตัด
  4. ปิดแผล
  5. นำผู้บริการไปห้องพักฟื้น (Recovery Room)

การปรับรูปหน้าผากและแนวผม

การปรับรูปหน้าผากและแนวผม

การปรับรูปหน้าผากและแนวไรผมสามารถสร้างกรอบหน้าให้โค้งเป็นรูปใกล้เคียงวงรีหรือรูปหัวใจได้ โดยศัลยแพทย์สามารถสร้างมิติหน้าผากใหม่โดยการเสริมด้วยวัสดุทางการแพย์ที่เหมาะสม และลดหรือปรับแนวไรผมให้ดูละมุนใกล้เคียงกับสัดส่วนใบหน้าของผู้หญิง 

ขั้นตอนนี้อาจรวมถึงการลดความสูงของสันกระดูกโหนกคิ้วโดยการกรอสันกระดูกให้เล็กลงหรือตัดกระดูกที่มีอยู่ (การตัดกระดูก) แล้วแทนที่ด้วยการปลูกถ่ายกระดูกที่มีพื้นผิวเรียบเนียนกว่า หรือวัสดุทางการแพทย์โดยเฉพาะ 

การตัดและตกแต่งลักษณะไรผมสามารถทำพร้อมการลดแนวผมลงมา โดยทำให้ผลลัพธ์หลังทำมีลักษณะหน้าผากใกล้เคียงกับผู้หญิงมากขึ้น

การยกคิ้ว การยกเปลือกตา และการดึงหน้า

การยกคิ้วอาจยกขึ้นเพื่อให้ดวงตาดูเป็นผู้หญิง สำหรับผู้รับบริการที่ต้องการปรับรูปหน้าหน้าผากและแนวผม สามารถยกคิ้วได้โดยเปิดแผลเดียวกันที่ไรผม หรือในผม แผลเดียวกันกับการทำหน้าผาก 

สำหรับผู้รับบริการที่ต้องการยกคิ้วเท่านั้น แพทย์อาจพิจารณาเปิดแผลเล็กๆ ประมาณ 4 หรือ 5 แผล แผลละ 2-3 เซนติเมตร ที่ไรผม โดยการผ่าตัดผ่านกล้อง (Endoscopic Surgery)

การศัลยกรรมจมูกเพื่อปรับรูปหน้าให้ดูเป็นผู้หญิง

การศัลยกรรมจมูกเพื่อปรับรูปหน้าให้ดูเป็นผู้หญิง

ศัลยแพทย์สามารถทำการผ่าตัดปรับรูปจมูก เพื่อลดความกว้างและรูปร่างของจมูกให้มีลักษณะใกล้เคียงกับผู้หญิง สำหรับการผ่าตัดศัลยกรรมโครงหน้าและขากรรไกรเพื่อให้เป็น Facial Feminization Surgery (FFS) นั้น การปรับโครงสร้างใบหน้าให้เหมาะสมกับลักษณะของผู้หญิงมักจะรวมถึงการทำศัลยกรรมในหลายส่วนที่สำคัญ โดยมีการปรับปรุงที่ต่าง ๆ ดังนี้:

การผ่าตัดศัลยกรรมโครงหน้าและขากรรไกร

การผ่าตัดศัลยกรรมโครงหน้าและขากรรไกร
  1. การผ่าตัดเลื่อนขากรรไกร: การปรับตำแหน่งของขากรรไกรให้มีความสมดุลกับใบหน้าเพื่อให้เกิดรูปลักษณ์ที่ดูนุ่มนวลและมีความเป็นผู้หญิงมากขึ้น
  2. การเสริมคาง หรือเลื่อนคาง: ในบางเคสอาจต้องเสริมคางหรือปรับตำแหน่งคางให้ยื่นออกมาอย่างเหมาะสม เพื่อให้โครงหน้าไม่ดูแข็งหรือลุยเกินไป
  3. การกรอกระดูกโหนกแก้ม กราม หรือคาง: การกรอหรือแยกกระดูกในส่วนต่าง ๆ เพื่อทำให้โครงหน้าดูเรียบเนียนและมีสัดส่วนที่เหมาะสม
  4. การเย็บกระชับกล้ามเนื้อคาง: การเย็บกล้ามเนื้อที่คางเพื่อให้รูปทรงของคางดูเนียนและกระชับมากยิ่งขึ้น
  5. การฉีดไขมัน: การใช้ไขมันจากร่างกายตัวเองหรือวัสดุเสริมอื่น ๆ ในการเติมเต็มส่วนต่าง ๆ ของใบหน้า เช่น แก้ม คาง หรือรอบตา เพื่อให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์และสมส่วน

การเลือกวิธีการศัลยกรรมในแต่ละขั้นตอนนั้นจะขึ้นอยู่กับการประเมินจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและความต้องการของผู้รับบริการ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ตรงกับความคาดหวังและเป็นธรรมชาติที่สุด

สรุป

ผู้ชาย – มักจะมีลักษณะใบหน้าที่แข็งและมุมคมมากกว่า เช่น หน้าผากที่ลาดลง โหนกคิ้วที่เด่นชัด, ขากรรไกรที่สี่เหลี่ยม, ใบหน้าที่กว้างกว่า

ผู้หญิง – มักจะมีลักษณะใบหน้าที่อ่อนโยน ละมุน เช่น หน้าผากโค้งนู้น สันคิ้วเรียบเนียน ขากรรไกรที่แคบกว่า, โหนกแก้มที่เด่นชัด, รูปร่างใบหน้าที่อ่อนเยาว์และละเอียด

ความแตกต่างเหล่านี้เป็นการสรุปทั่วไป และอาจมีความแตกต่างได้ตามบุคคล ชาติพันธุ์ อายุ และปัจจัยทางสิ่งแวดล้อม 

ทีมแพทย์โรงพยาบาลมาสเตอร์พีช ยินดีให้คำปรึกษา

คุณหมอหนอน นพ.ณัฐวุฒิ วิวัจนสิรินทร์

นพ.ณัฐวุฒิ วิวัจนสิรินทร์ (หมอหนอน)

ประวัติการศึกษา

  • แพทยศาสตร์บัณฑิต (เกียรตินิยม) จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
  • เลขที่ใบประกอบวิชาชีพเวชกรรม 50536

ทพ.อรรถพล ยงวิกุล (หมอกอล์ฟ)

ประวัติการศึกษา

  • เฉพาะทางต่อยอด ศัลยกรรมขากรรไกร ข้อต่อขากรรไกร และการผ่าตัดขากรรไกร
  • มหาวิทยาลัยยอนเซ ประเทศเกาหลีใต้
  • ทันตแพทยศาสตร์บัณฑิต มหาวิทยาลัยมหิดล
  • หลักสูตรทันตแพทย์ประจำบ้านสาขาศัลยศาสตร์ช่องปาก และแม็กซิลโลเฟเชียล มหาวิทยาลัยมหิดล
  • ศัลยศาสตร์ช่องปากและแม็กซิลโลเฟเชียล
  • เลขที่ใบประกอบวิชาชีพเวชกรรม ท.12073
แชร์เลย:
register