ปลูกผม FUE วิธีแก้ปัญหาผมบางและศีรษะล้านที่เห็นผลจริง
ปลูกผม FUE (Follicular Unit Extraction) เป็นวิธีแก้ปัญหาผมร่วงที่ได้รับความนิยมในปัจจุบัน วิธีนี้ช่วยแก้ปัญหาผมร่วง ผมบาง และหัวล้าน ซึ่งสร้างความกังวลใจให้ใครหลายคน จนส่งผลต่อความมั่นใจ การศัลยกรรมปลูกผมจึงเป็นทางออกที่ช่วยแก้ปัญหาหนังศีรษะ เส้นผม และรากผมให้มีสุขภาพดีขึ้น ช่วยให้ผมงอกใหม่ ผมแข็งแรง ผมหนา ผมดกได้แบบถาวร อีกทั้งยังส่งเสริมรูปลักษณ์ และบุคลิกภาพได้เป็นอย่างดี
ขั้นตอนการปลูกผมแบบ FUE
ขั้นตอนการปลูกผมแบบ FUE จำเป็นต้องอาศัยแพทย์ที่มีประสบการณ์ในการผ่าตัด เนื่องจากเป็นเทคนิคการปลูกผมที่ต้องใช้ความชำนาญ เพื่อแก้ไขปัญหา ผมร่วง ผมบาง หัวล้าน โดยมีขั้นตอนการปลูกผมดังต่อไปนี้
- ควรเข้ารับคำปรึกษากับแพทย์ที่มีประสบการณ์ เนื่องจากแพทย์จะสามารถประเมินปัญหา และวางแผนการรักษาได้อย่างตรงจุด โดยการวาดแนวผมก่อนปลูก จนกว่าจะได้รูปลักษณ์ที่คนไข้พึงพอใจ
- แพทย์จะเริ่มทำการโกนผมบางส่วน และทำการฉีดยาชา หรือวางยานอนหลับแบบอ่อน
- แพทย์จะใช้เครื่องมือผ่าตัดที่เป็นรูปแบบหัวเจาะขนาด 0.8 – 1.0 มิลลิเมตร โดยเจาะไปยังบริเวณจุดที่โกนผม เพื่อนำเซลล์รากผมออกมา
- ระหว่างนั้นแพทย์จะทำการแช่เซลล์รากผมที่เจาะมาไว้ใน น้ำยาเลี้ยงเซลล์ เพื่อให้รากผมมีคุณภาพมากขึ้น
- แพทย์จะนำเซลล์รากผมไปปลูกยังบริเวณที่มีปัญหา โดยจะกำหนดปริมาณความหนาแน่น รวมถึงทิศทางของแนวผม เพื่อให้ดูเป็นธรรมชาติมากที่สุด หลังจากนั้นแพทย์จะปิดแผลด้วยผ้าพันแผล โดยควรปิดแผลไว้อย่างน้อย 1-2 วัน
ข้อดีของการปลูกผมแบบ FUE
ก่อนตัดสินใจปลูกผมแบบ FUE อยากแนะนำให้คนไข้ศึกษาข้อมูลอย่างละเอียด เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้อง และดูความแตกต่างของผลลัพธ์หลังปลูกผม โดยการปลูกผมแบบ FUE มีข้อดีต่าง ๆ ดังนี้
- การปลูกผมแบบ FUE จะมีอาการเจ็บ เลือดออก หรือรู้สึกตึงบริเวณหนังศีรษะน้อยกว่าเทคนิคอื่น ๆ
- เป็นเทคนิคที่ช่วยให้เส้นผมมีอัตราการงอกใหม่สูงขึ้น
- ไร้รอยแผลเป็นจากการผ่าตัด เนื่องจากแผลมีขนาดเล็กเท่ารูขุมขน
- เป็นเทคนิคที่ฟื้นฟูตัวได้เร็ว สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ
- รากผมที่งอกใหม่จะมีความแข็งแรงมากขึ้น
- ลดโอกาสการหลุดร่วงของเส้นผมลง
- สามารถออกแบบรูปทรงที่เหมาะสมให้กับแต่ละบุคคลได้
- หลังปลูกช่วยให้เส้นผมดูเป็นธรรมชาติ
ข้อจำกัดของการปลูกผมแบบ FUE
สำหรับข้อจำกัดของการปลูกผมแบบ FUE จะเป็นในเรื่องของเทคนิคและขั้นตอนระหว่างผ่าตัดปลูกผม อย่างไรก็ตาม การปลูกผมแบบ FUE ก็มีข้อจำกัด ดังนี้
- เป็นเทคนิคที่ใช้เวลาในการผ่าตัดปลูกผมนาน เนื่องจากจำนวนเซลล์รากผมในการเจาะแต่ละครั้งน้อย
- มีโอกาสที่เซลล์รากผมที่เจาะออกมา จะขาดหรือเสียหายได้ง่าย
- บริเวณท้ายทอยที่เจาะย้ายเซลล์รากผมจะไม่มีผมขึ้นมาทดแทน
- อาจส่งผลทำให้เส้นผมบริเวณที่นำมาใช้ดูบางลงได้
ปลูกผม FUE เหมาะสำหรับใคร?
การศัลยกรรมปลูกผมจะช่วยส่งเสริมบุคลิกภาพ สร้างความมั่นใจให้แต่ละบุคคลได้ โดยคนไข้ที่เหมาะปลูกผมแบบ FUE จะมีดังต่อไปนี้
- คนไข้ที่มีปัญหาเส้นผมหลุดร่วง ผมบาง หรือหนังศีรษะล้าน
- คนไข้ที่มีปัญหาหน้าผากกว้าง หรือคิ้วต่ำกว่าแนวผม
- คนไข้ที่ต้องการปลูกผม เพื่อปรับโครงสร้างใบหน้าโดยรวมให้ดูสมดุล
- คนไข้ที่มีปัญหาผมบางตรงกลางศีรษะ
- คนไข้ที่ต้องการปกปิดรอยแผลเป็นบริเวณศีรษะ
- คนไข้ที่ต้องการเสริมความมั่นใจให้แก่ตัวเอง
- คนไข้ที่มีปัญหาหัวล้าน ผมบางจากกรรมพันธุ์
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
สรุป
การปลูกผมแบบ FUE เป็นเทคนิคที่ได้รับความนิยมสูงเพราะแผลผ่าตัดขนาดเล็ก ใช้เวลาพักฟื้นไม่นาน ไม่เจ็บไม่ตึงบริเวณหนังศีรษะ และให้ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจกับคนไข้ อย่างไรก็ตามสำหรับคนไข้ที่มีปัญหาผมบาง ผมร่วง หัวล้าน ขอแนะนำให้เข้ารับคำปรึกษากับแพทย์ที่มีประสบการณ์ เพื่อประเมินปัญหาและวางแผนการรักษาที่เหมาะสม
แหล่งอ้างอิง:
Everything to Know About a FUE Hair Transplant:
https://www.healthline.com/health/cosmetic-surgery/everything-to-know-about-a-fue-hair-transplant
Follicular Unit Extraction Hair Transplant:
https://pmc.ncbi.nlm.nih.gov/articles/PMC2956961/
บทความโดย
โรงพยาบาลมาสเตอร์พีช : เราคือโรงพยาบาลศัลยกรรมด้านความงามของประเทศไทยและเอเชีย มีความต้องการนำเสนอข้อมูลที่ถูกต้องและครบถ้วนเกี่ยวกับบริการศัลยกรรมด้านความงาม โรงพยาบาลมาสเตอร์พีช ดูแลคุณตั้งแต่การให้คำปรึกษาไปจนถึงหลังการผ่าตัด โดยทีมแพทย์มากประสบการณ์ที่มีประสบการณ์สูง มอบบริการครบวงจรด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย ที่สำคัญทุกอย่างดำเนินการภายใต้มาตรฐานการรักษาพยาบาล ของโรงพยาบาลที่ได้รับการรับรองมาตรฐานการให้บริการสถานพยาบาลระดับสากล AACI
ข้อมูลการติดต่อโรงพยาบาล
ตั้งอยู่ที่ 99/19 ถนนสุไขทัย แขวงดุสิต เขตดุสิต กรุงเทพฯ 10300