ซิลิโคนจมูก มีกี่แบบ ซิลิโคนอเมริกา เกาหลี ญี่ปุ่น แตกต่างกันอย่างไร

แพทย์ประจำโรงพยาบาลมาสเตอร์พีช

ซิลิโคนจมูกมีกี่แบบ

ในปัจจุบันมีซิลิโคนจมูกให้เลือกใช้ค่อนข้างหลากหลาย แต่หลาย ๆ คนยังไม่เข้าใจว่าซิลิโคนของแต่ละประเทศมีความแตกต่างกันอย่างไร แล้วแบบไหนที่เหมาะกับเรา ต้องเลือกอย่างไร แล้วซิลิโคนของปลอม ของแท้ดูอย่างไร โดยในบทความนี้ได้รวบรวมซิลิโคนที่แต่ละโรงพยาบาลเลือกนำมาใช้ในการเสริมจมูก อยากให้เพื่อน ๆ ลองศึกษาข้อมูลซิลิโคนแต่ละแบบก่อนตัดสินใจเสริมจมูกได้ในบทความนี้ค่ะ

ซิลิโคนจมูก ของแท้ ของปลอม ดูยังไง แล้วอันตรายไหม

การดูว่าซิลิโคนจมูก ของแท้ หรือ ของปลอม นั้นไม่สามารถทำได้ด้วยตัวเอง 100%  วิธีที่ดีที่สุดคือ ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านศัลยกรรมตกแต่ง เพราะหากเสริมซิลิโคนปลอมเข้าไปจะต้องทำการนำออกในภายหลัง ในระยะยาวจะทำให้จมูกเกิดการอักเสบได้เพราะซิลิโคนไม่ได้มาตรฐาน อย่างไรก็ตาม มีวิธีสังเกตเบื้องต้น ดังนี้

1. ตรวจสอบจากรูปแบบของซิลิโคนเสริมจมูก

ซิลิโคนแท้

  • มีผิวสัมผัสเรียบเนียน
  • รูปทรงสมมาตร
  • มีความยืดหยุ่น
  • ตัดแต่งได้ง่าย
  • มักมีชื่อยี่ห้อและเลข LOT บนบรรจุภัณฑ์

ซิลิโคนปลอม

  • ผิวสัมผัสขรุขระ
  • รูปทรงอาจไม่สมมาตร
  • แข็งกระด้าง
  • ตัดแต่งยาก
  • มักไม่มีชื่อยี่ห้อหรือเลข LOT บนบรรจุภัณฑ์

2. สอบถามจากทางคลินิกหรือโรงพยาบาล

  • ขอทราบยี่ห้อและรุ่นของซิลิโคนที่ใช้
  • ขอดูใบรับรองสินค้า (Certificate of Authenticity)
  • ตรวจสอบประวัติของคลินิกหรือโรงพยาบาล

3. ตรวจเช็คจากราคาของซิลิโคน

  • ซิลิโคนแท้ มักมีราคาสูงกว่าซิลิโคนปลอม
  • ราคาที่ถูกผิดปกติ อาจเป็นสัญญาณเตือนว่าเป็นซิลิโคนปลอม

4. เลือกคลินิกศัลยกรรมที่มีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับ

  • เลือกคลินิกที่มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านศัลยกรรมตกแต่งโดยเฉพาะ
  • ตรวจสอบรีวิวจากคนไข้จริง

ข้อควรระวัง

  • การฉีดซิลิโคนปลอม อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพร่างกาย เช่น การอักเสบติดเชื้อ
  • การเสริมจมูกด้วยซิลิโคน ควรทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น

ซิลิโคนจมูก ทำมาจากอะไร

ซิลิโคนจมูกทำมาจากพลาสติกสังเคราะห์ชนิดพิเศษ ที่มีความบริสุทธิ์สูง เรียกว่า Medical Grade Silicone ซึ่งปลอดภัยต่อร่างกาย  มีให้เลือกหลายแบบ ทั้งแบบสำเร็จรูป และแบบแท่ง โดยแพทย์จะเลือกใช้ให้เหมาะสมกับรูปทรงจมูกของแต่ละบุคคล

ซิลิโคนจมูก ผลิตจากประเทศใดบ้าง ต่างกันไหม

ซิลิโคนที่นิยมใช้ในปัจจุบันมาจาก 3 ประเทศ หลักๆ คือ อเมริกา เกาหลี และญี่ปุ่น โดยซิลิโคนแต่ละประเทศจะมีลักษณะที่แตกต่างกัน

ซิลิโคนจมูกที่ใช้ในปัจจุบันมี 3 แหล่งผลิตหลัก ดังนี้

ซิลิโคนอเมริกา (USA Silicone)

เป็นซิลิโคนมาตรฐานพิเศษที่มีความบริสุทธิ์ 100% มีความปลอดภัยสูง เนื้อซิลิโคนจะมีสีขาว มีความนุ่มเนียนละเอียดและยืดหยุ่นได้ดี มีให้เลือกหลายแบบ เช่น ซิลิโคนอเมริกาแบบพรีเมี่ยม ซิลิโคนอเมริกาแบบพรีเมี่ยม นิ่มพิเศษ

  • มีคุณภาพสูง เนื้อซิลิโคนนิ่ม ยืดหยุ่น
  • มีความปลอดภัยสูง ผ่านมาตรฐาน FDA
  • เหมาะกับผู้ต้องการทรงจมูกโด่งธรรมชาติ
  • ราคาค่อนข้างสูง

ซิลิโคนเกาหลี (Korea Silicone)

เนื้อซิลิโคนจะนิ่มกว่าซิลิโคนอเมริกา มีความนิ่มและยืดหยุ่นสูง โคนและปลายจมูกมีความนิ่มมาก มีทั้งแบบสำเร็จรูปและแบบสั่งทำพิเศษ เหมาะกับคนที่มีเนื้อจมูกน้อย

  • เนื้อซิลิโคนนิ่มมาก มีความยืดหยุ่นสูง
  • เหมาะกับผู้ต้องการทรงจมูกสไตล์เกาหลี
  • มีหลายทรงให้เลือก
  • ราคาปานกลาง

ซิลิโคนญี่ปุ่น (Japan Silicone)

ซิลิโคนญี่ปุ่นเป็นซิลิโคนมาตรฐานธรรมดา ราคาไม่แพง เนื้อซิลิโคนค่อนข้างแข็ง เหมาะกับผู้ที่มีเนื้อจมูกหนา ต้องการเสริมสันจมูกเล็กน้อย

  • เนื้อซิลิโคนแข็งแรง ทนทาน
  • เหมาะกับผู้ต้องการทรงจมูกโด่งแบบปลายแหลม
  • ราคาค่อนข้างถูก

ซิลิโคนจมูก ที่นิยมมากที่สุดในปีนี้

ยากที่จะระบุอย่างแน่ชัดว่าซิลิโคนจมูกจากประเทศไหนที่นิยมมากที่สุดในปีนี้ เพราะความนิยมอาจเปลี่ยนแปลงได้ตามกระแส เทรนด์ และความชอบส่วนตัวของแต่ละบุคคล ในปัจจุบันซิลิโคนจมูกจาก อเมริกา เกาหลี และญี่ปุ่น มักได้รับความนิยมและเป็นที่พูดถึงอยู่เสมอในวงการเสริมจมูกค่ะ ทั้งนี้อยากให้คนไข้เลือกซิลิโคนจากโครงสร้างจมูกเดิม สไตล์ที่ต้องการ และงบประมาณที่มีเป็นหลัก

ซิลิโคนจมูก รูปทรงจมูกต่างๆ

ซิลิโคนจมูกมีหลายแบบ หลายทรง แต่ละทรงจะเหมาะกับรูปหน้าและโครงสร้างจมูกของแต่ละบุคคล ซิลิโคนจมูกสำเร็จรูป มีดังนี้

  • ทรงแมนทิส (Mantis Silicone) หรือเรียกอีกอย่างว่า ซิลิโคนทรงตั๊กแตน เป็นทรงที่ทำให้จมูกดูเรียวเล็ก โดยมีปีกสองข้างครอยบริเวณสันจมูกไว้ มีขอบแกนที่บาง สามารถปรับแต่งรูปทรงได้ง่าย
  • ทรงบาร์บี้ (Barbie Silicone) ซิลิโคนที่มีสันกว้าง ทรงสโลป ไม่โด่งมาก ช่วยเสริมปลายจมูกให้ดูพุ่งและเชิดขึ้นเล็กน้อย คล้ายทรงจมูกตุ๊กตาบาร์บี้ เหมาะสำหรับคนที่มีปีกจมูกและฐานจมูกกว้าง
  • ทรงบราว (Brown Silicone) รูปทรงผสมระหว่างซิลิโคนแมนทิส และทรงจมูกบาร์บี้ เป็นทรงที่ทำให้จมูกโด่งขึ้นเล็กน้อย สันมีความสโลป เหมาะกับผู้ที่มีผิวจมูกบางและเนื้อน้อย
  • ทรงซินเดอเรลล่า (Cinderella Silicone) เหมาะสำหรับผู้ที่มีเนื้อจมูกค่อนข้างหนา ทรงจมูกแบนราบ ซิลิโคนทรงนี้จะมีความสโลป แต่จะไม่ได้โด่งพุ่งมาก 

ซิลิโคนจมูกไหลทำอย่างไร ?

อาการซิลิโคนจมูกไหล เป็นอาการผิดปกติ ดังนั้นไม่ควรปล่อยไว้นานเนื่องจากอาจทำให้เกิดอาการจมูกทะลุตามมาในภายหลังได้ ซึ่งเป็นปัญหาที่สามารถแก้ได้ยาก และต้องใช้ระยะเวลากว่าจมูกจะสร้างเนื้อเยื่อขึ้นมาใหม่จึงสามารถทำการแก้ไขได้ เมื่อพบปัญหาซิลิโคนไหล ควรรีบเข้ามาปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และทำการรักษาอย่างทันท่วงที โดยอาการที่พบจะมีลักษณะ ดังนี้

  1. บริเวณปลายจมูกเริ่มมีอาการเสียวแปล๊บๆ หลังใช้มือลูบ
  2. ผิวบริเวณปลายจมูกเรื่มมีลักษณะมันวาว และสะท้อนแสง
  3. ปลายจมูกเริ่มมีอาการแดง หรือเปลี่ยนสีคล้ำขึ้น
  4. ทรงจมูกอาจมีการเปลี่ยนรูปไปจากเดิม เช่น จมูกงุ้ม และเริ่มยาวผิดปกติ
  5. เกิดสิวหัวช้างขึ้นบริเวณปลายจมูก ผิวบริวณปลายจมูกเริ่มบางลง 
  6. รู้สึกเจ็บบริเวณปลายจมูก เนื่องจากจมูกเริ่มมีอาการอักเสบและติดเชื้อ
  7. มองเห็นซิลิโคนโผล่ออกมา เริ่มมองเห็นสีขาวๆที่ปลายจมูก หรือในโพรงจมูก

ซิลิโคนจมูกมีกี่เกรด ?

เกรดที่นำมาใช้ในการทำซิลิโคนจมูก มีความสำคัญเป็นอย่างมาก เนื่องจากหากใช้เกรดซิลิโคนที่ไม่ได้มาตรฐาน ก็สามารถส่งผลให้เกิดอันตรายตามมาในระยะยาวได้ โดยซิลิโคนจมูกมีด้วยกันอยู 3 เกรด สามารถแบ่งได้ตามประเภทการใช้งาน ดังนี้

  • เกรดปลูกฝังในร่างกาย (Implant Grade) เป็นเกรดที่ดีที่สุด เพราะมีความบริสุทธิ์สูง นิยมนำมาใช้ในการทำศัลยกรรมผ่านการทดสอบสารปนเปื้อน และพิษในระยะยาว สามารถอยู่ในร่างกายได้ตลอดชีวืต
  • เกรดทางการแพทย์ (Medical Grade) เป็นเกรดที่มีความบริสุทธิ์น้อยกว่า Implant grade สามารถนำมาใช้ในการเสริมจมูกได้ แต่ยังไม่มีการทดสอลการปนเปื้อนและสารพิษสะสมในระยะยาว
  • เกรดที่ใช้ในการบรรจุอาหาร (Food Grade) เป็นเกรดที่ไม่มีความปลอดภัย ไม่ควรนำมาใช้ในการทำศัลยกรรม ผลิตจากวัสดุที่ไม่ได้คุณภาพ ก่อให้เกิดปัญหาในระยะยาวทั้งสารปนเปื้อนและสารพิษ 

เสริมจมูกด้วยซิลิโคน แตกต่างจากกระดูกอ่อนและเนื้อเยื่อ อย่างไร

การเสริมจมูกด้วยซิลิโคนมีความแตกต่างจากการเสริมด้วยกระดูกอ่อนและเนื้อเยื่อ ดังนี้

1.เสริมจมูกด้วยซิลิโคน เป็นวัสดุที่นิยมนำมาใช้ในการเสริมจมูกมากที่สุด เนื่องจากสามารถออกแบบรูปทรงได้ตรงตามความต้องการมากที่สุด สามารถอยู่ในร่างกายได้ตลอดชีวิตและไม่มีอันตราย ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนใหม่

2.เสริมจมูกด้วยกระดูกอ่อนและเนื้อเยื่อ มีความปลอดภัยสูง เนื่องจากใช้เนื้อเยื่อของตัวเองในการเสริมจมูก เช่น กระดูกซี่โครง ไขมัน กระดูกอ่อนหลังหู  การใช้เนื้อเยื้อของตัวเองจึงทำให้โอกาสในการแพ้เกิดได้น้อย 

เปรียบเทียบข้อดี – ข้อเสียของแต่ละวัสดุ

การเสริมจมูกด้วยซิลิโคนการเสริมจมูกด้วยกระดูกอ่อนและเนื้อเยื่อ
ราคาถูกกว่าการเสริมด้วยกระดูกอ่อนและเนื้อเยื้อราคาสูงกว่าการเสริมด้วยซิลิโคน
มีให้เลือกหลายรูปทรง สามารถออกแบบทรงได้ตามที่ต้องการรูปทรงอาจจะไม่ได้ตามที่ต้องการ 
มีอายุการใช้งานที่ยาว สามารถอยู่ได้ตลอดชีพระยะยาวเกิดการย่อยสลายหรือยุบตัวลง
เห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน อยู่ได้ถาวร เห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน อยู่ไม่ถาวร 
การผ่าตัดไม่ซับซ้อน ใช้ระยะเวลาไม่นานการผ่าตัดซับซ้อน ใช้ระยะเวลานาน เนื่องจากต้องทำการผ่าตัด 2 ที่
สามารถทะลุได้หากเสริมโด่งมากเกินไปช่วยป้องกันการทะลุได้ดีเหมาะสำหรับผู้ที่มีเนื้อจมูกน้อย
มีแผลผ่าตัดจุดเดียวมีแผลผ่าตัด 2 จุด

แนวทางการเลือกซิลิโคนจมูกให้เข้ากับใบหน้า

การเลือกซิลิโคนจมูกให้เข้ากับใบหน้าแพทย์จะดูที่เนื้อจมูกเดิมของคนไข้เป็นหลัก ทั้งบริเวณสันจมูกและปลายจมูก แต่ละคนก็จะมีความหนา – บางที่ไม่เท่ากัน โดยมีวืธีการเลือก ดังนี้

1.ผู้ที่มีเนื้อสันจมูกเยอะ มีเนื้อหนา 

จมูกลักษณะนี้จะสามารถเสริมจมูกได้โด่งมาก และซิลิโคนที่ใช้ไม่ต้องนิ่มมากก็ได้ ควรเลือกใช้ซิลิโคนที่แข็ง เนื่องจากมีเนื้อจมูกเดิมที่หนาอยู่แล้ว จึงไม่ทำให้เห็นขอบซิลิโคน หากเลือกใช้ซิลิโคนที่นิ่มจนเกินไป เนื้อที่หนาจะทำให้มีแรงรัดที่มาก เพราะอาจทำให้จมูกโดนรัดจนซิลิโคนเกิดอาการเบี้ยวเอียงได้ในอนาคต

2.ผู้ที่มีเนื้อจมูกปานกลาง ไม่มากไม่น้อยจนเกินไป

จมูกสามารถดึงออกมากได้ค่อนข้างเยอะ สามารถเสริมจมูกให้โด่งได้ในระดับปานกลาง เหมาะกับซิลิโคนแบบนิ่ม ซิลิโคนเกาหลี เพราะสามารถเหลาขึ้นรูปปทรงได้สวยงามและยังดูโด่งสวย เป็นธรรมชาติ ไม่เห็นขอบสันที่ชัดเจน

3.ผู้ที่มีเนื้อจมูกบริเวณสันและปลายจมูกน้อย หรือ เนื้อบางมาก ๆ

จมูกไม่สามารถดึงเนื้อขึ้นมาได้เลย ไม่เหมาะกับการใช้ซิลิโคนชนิดแข็ง เพราะอาจก่อให้เกิดอาการซิลิโคนทะลุตามมาได้ในภายหลัง ควรเลือกใช้ซิลิโคนแบบนิ่ม และรองปลายด้วยเนื้อเยื่อ หรือกระดูกอ่อน จะช่วยป้องกันจมูกทะลุได้ 

ข้อควรระวังในการเสริมจมูกซิลิโคน

สำหรับอาการที่พบหลังการเสริมจมูก อาจมีทั้งอาการที่สามารถพบได้ตามปกติ หรืออาการที่ควรระมัดระวัง และอาการผิดปกติ ที่ควรเข้ามาพบแพทย์ อาจทำให้ต้องกลับมาแก้จมูกใหม่ มีดังนี้ 

  1. จมูกบวมช้ำ

หลังจากเสริมจมูก อาจเกิดอากาารบวมช้ำได้ตามปกติในช่วงระยะแรกหลังทำ แต่ก็ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคลว่าจะมีอาการบวมมากน้อยแค่ไหน หรือขึ้นอยู่กับฝีมือของแพทย์ที่ทำการผ่าตัดด้วยเช่นกัน หากดูแลตนเองตามคำแนะนำของแพทย์อาการบวมช้ำจะค่อยๆดีขึ้นตามลำดับค่ะ

  1. ตึงรั้งบริเวณแผล

อาการตึงรั้งบริเวณจมูกเป็นอาการปกติ เนื่องจากมีการยัดสิ่งแปลกปลอมเข้าไปในจมูก ทำให้เนื้อบริเวณจมูกเกิดการขยายตัว จะต้องใช้ระยะเวลาให้เนื้อเยื่อจมูกปรับตัวเข้ากับซิลิโคนจมูก อาการตึงรั้งจะค่อยๆหายไปเอง

  1. เจ็บแผล

ในช่วง 2 – 3 วันแรกอาจมีอาการเจ็บแผลได้ เนื่องจากผิวหนังได้ถูกกรีด แต่เมื่อร่างกายฟื้นฟูตัวเองอย่างเต็มที่ แผลบริเวณจมูกจะค่อยๆดีขึ้น อาการเจ็บจะลดลง และหายเป็นปกติ แต่ถ้าหากอาการเจ็บอยู่นานมากๆ ควรรีบเข้ามาปรึกษาแพทย์ทันที เพราะถือว่าเป็นอาการที่ไม่ปกติ

  1. มีกลิ่นแปลกๆในจมูก

หลังจากศัลกรรมจมูกไปแล้ว อาจได้กลิ่นแปลกๆภายในจมูก เช่น กลิ่นน้ำเหลือง กลิ่นเลือด และกลิ่นยา เป็นเรื่องปกติและจะหายไปเองเมื่อแผลเริ่มหายสนิท ไม่ต้องเป็นกังวลไปค่ะ

  1. มีน้ำไหลออกมาจากจมูก

หลังเสริมจมูก หากมีน้ำใสๆไหลออกมาจากจมูก อาจจะเป็นน้ำมูก คนไข้ควรทานยาลดน้ำมูก และหลีกเลี่ยงไม่ให้น้ำมูกไหลลงมาโดนแผลเพื่อป้องกันการติดเชื้อ หรือถ้าหากมีเลือดหรือน้ำหนองในปริมาณที่มากออกมาบริเวณแผลผ่าตัด แผลอาจเกิดการอักเสบติดเชื้อ ควรรีบเข้ามาพบแพทย์ทันที

  1. จมูกเบี้ยว เอียง

อาการเบี้ยว เอียงหลังเสริมจมูก อาจเกิดจากการที่จมูกยังมีอาการบวมอยู่ ให้คนไข้ใจเย็นและเฝ้าสังเกตุอาการ หรือบางครั้งอาจเกิดจากการที่แพทย์วางตำแหน่งของซิลิโคนผิดที่ ไม่ได้วางใต้เยื่อหุ้มจมูก รวมไปถึงคนไข้ได้รับการกระทบกระเทือนบริเวณจมูกหลังจากการผ่าตัดก็สามารถก่อให้เกิดอาการจมูกเบี้ยวเอียงได้เช่นกัน หากพบอาการจมูกเบี้ยวเอี้ยง ควรเข้ามาปรึกษาแพทย์และทำการแก้ไขอย่างถูกวิธี ไม่ควรดัดให้ตรงด้วยตัวเอง เพราะอาจทำให้จมูกอักเสบและติดเชื้อได้เลย

  1. จมูกทะลุ

จมูกทะลุหลังจากเสริมจมูกด้วยซิลิโคน อาจเกิดขึ้นได้หากแพทย์ทำการเสริมซิลิโคนที่มีความโด่งเกินที่เนื้อจมูกคนไข้จะรับไหว เมื่อนานวันไปซิลิโคนจะดันเนื้อจมูก จนทำให้เห็นซิลิโคนขาวโผล่ออกมาบริเวณปลายจมูกนั่นเอง โดยจะต้องทำการกลับมาแก้ไขจมูกกับแพทย์ และจะไม่สามารถเสริมจมูกใหม่ได้ทันทีในกรณีจมูกทะลุ ต้องรอให้แผลสมานตัวดีก่อน จึงค่อยกลับมาแก้ไขจมูกใหม่ได้

คำแนะนำหลังถอดซิลิโคนจมูก

หลังถอดซิลิโคนจมูกแล้วควรดูแลตนเองให้ดีเพื่อที่แผลจะหายได้ไวขึ้น ก่อนทำการเสริมซิลิโคนเข้าไปใหม่อีกตรั้ง โดยหลังจากถอดซิลิโคนให้คนไข้ใช้สำลีชุบน้ำเกลือเช็ดบริเวณแผลอย่างเบามือ ควรทานยาตามที่แพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด ยิ่งโดยเฉพาะที่ทำการถอดซิลิโคนเพราะแผลเกิดอาการอักเสบติดเชื้อ และงดเว้นให้แผลโดนน้ำในช่วง 1 สัปดาห์แรก

สรุป

การเสริมซิลิโคนจมูกในปัจจุบันมีหลายรูปแบบ แล้วแต่คนไข้จะเลือกใช้ ไม่ว่าจะเป็ซิลิโคนพรีเมี่ยมของ อเมริกา ญี่ปุ่น เกาหลีโดยซิลิโคนแต่ละชนิดก็มีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันออกไป ทั้งนี้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะเป็นผู้ให้คำแนะนำว่าจมูกของเราเหมาะสมกับซิลิโคนแบบไหน เพราะแพทย์จะไม่ได้คำนึงถึงความสวยงามเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของคนไข้เป็นหลักด้วยเช่นกัน ดังนั้นควรศึกษาข้อมูลให้ดีก่อนตัดสินใจทำจมูก การเลือกโรงพยาบาล แพทย์ และซิลิโคนที่ใช้ล้วนเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้จมูกไม่เกิดปัญหาตามมาภายหลัง

คำถามที่พบบ่อย

สัญญาณเตือนซิลิโคนจมูกทะลุ ลอย รู้ได้อย่างไร 

  • มีอาการเสียวบริเวณปลายจมูก
  • ปลายจมูกเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงหรือมีสีคล้ำขึ้น
  • รูปร่างของซิลิโคนเปลี่ยนไปจากเดิม 
  • จมูกเริ่มงุ้ม ซิลิโคนไหล
  • จมูกมีรอยบุ๋ม
  • เห็นซิลิโคนสีขาวทะลุออกมาบริเวณปลาจมูกหรือในรูจมูก

ซิลิโคนจมูกละลายได้ไหม

ซิลิโคนจมูกไม่สามารถละลายได้ในร่างกายค่ะ เพราะผลิตจากวัสดุที่มีความทนทานสูง และยังทนทานต่อความร้อนด้วยเช่นกันค่ะ ดังนั้นคนไข้สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ การนั่งทานอาหารหน้าเตาร้อนๆ ไม่มีผลทำให้ซิลิโคนจมูกละลายได้ “ความเชื่อที่ว่าซิลิโคนจมูกละลายได้นั้นเป็นความเข้าใจที่ผิด”

ซิลิโคนจมูก อยู่ได้นานเท่าไหร่ ?

ซิลิโคนจมูกสามารถอยู่ได้ตลอดอายุการใช้งาน หรือตลอดชีวิตนั่นเองค่ะ เพราะซิลิโคนที่มักนิยมนำมาใช้เป็นซิลิโคนเกรดทางการแพทย์ ไม่มีวันหมดอายุ ไม่ต้องมีการถอดเปลี่ยนแท่ง ยกเว้นแต่คนไข้ต้องการแก้ไขรูปทรงจึงทำการกลับเข้ามาแก้ไขซ้ำ

ใส่ซิลิโคนจมูกแล้วถอดออกได้ไหม ?

ซิลิโคนจมูกสามารถถอดออกได้ค่ะ ในกรณีที่คนไข้ไม่ชอบรูปทรง หรือว่าเกิดอาการอักเสบและติดเชื้อ หลังจากถอดซิลิโคนจมูกอาจมีอาการบวมได้เล็กน้อย และรูปทรงของจมูกจะกลับไปเป็นแบบเดิมเหมือนทรงจมูกก่อนทำค่ะ 

ซิลิโคนจมูกแต่งหน้าได้ไหม

การเสริมซิลิโคนจมูกสามารถแต่งหน้าได้ตามปกติ ไม่มีผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน และยังช่วยเสริมสร้างความมั่นใจ ทำให้ลดระยะเวลาแต่งหน้าให้น้อยลงได้ด้วยค่ะ 

ถอดซิลิโคนจมูก กี่วันหายบวม

การถอดซิลิโคนจมูกใช้ระยะเวลาไม่นานในการผ่าตัด แต่อาจเกิดอาการบวมได้หลังจากการผ่าตัด แต่จะบวมไม่มากเหมือนกับตอนที่เสริมซิลิโคนเข้าไป โดยอาการบวมจะค่อยๆหายไปใน 1 สัปดาห์ค่ะ

ถอดซิลิโคนจมูก พักกี่เดือน

 การถอดซิลิโคนจมูกไม่จำเป็นที่ต้องพักรักษาตัว สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ 

ถอดซิลิโคนต้องเย็บไหม

การถอดซิลิโคนหลังจากที่แพทย์ทำการถอดเสร็จ แพทย์จะทำการเย็บปิดปากแผลจะช่วยให้เนื้อเยื่อสมานตัวได้เร็ว และทำให้แผลหายเร็วยิ่งขึ้นค่ะ 

ถอดซิลิโคนต้องประคบเย็นไหม

โดยทั่วไปแล้ว แพทย์มักแนะนำให้ประคบเย็นหลังถอดซิลิโคนจมูก เพื่อช่วยลดอาการบวม อักเสบ และช้ำ ซึ่งการประคบเย็นจะช่วยให้หลอดเลือดบริเวณแผลหดตัว ลดการไหลเวียนของเลือด ชะลอการอักเสบ และช่วยให้แผลหายเร็วขึ้น โดยประคบเย็นในช่วง 2 – 3 วันแรก

Similar Posts