ลด กรามใหญ่ โหนกแก้มสูงถาวรด้วยศัลยกรรมยุบโหนก

ผู้หญิงหันข้างขณะยิ้ม มีกราฟิกบริเวณโหนกแก้ม แสดงให้เห็นทิศทางทำศัลยกรรมลดโหนกแก้ม

โหนกแก้มเป็นอีกหนึ่งองค์ประกอบสำคัญที่ทำให้ใบหน้าดูมีมิติ เพราะบางคนอาจสูญเสียความมั่นใจจากการมีโหนกแก้มที่สูง หรือ กรามใหญ่ ซึ่งรวมไปถึงเทรนด์ความงามในยุคนี้ที่นิยม รูปทรงใบหน้าแบบเรียวเล็กหวานละมุน ส่วนสาเหตุหลักที่มีกรามขนาดใหญ่ อาจมาจากพันธุกรรมที่ส่งต่อมาจากรุ่นพ่อแม่ แต่ทั้งนี้ก็ยังมีปัจจัยอื่น ๆ ที่สามารถทำให้กรามขยายใหญ่ขึ้นได้เช่นกันค่ะ

การศัลยกรรมปรับโครงหน้า จึงเป็นทางเลือกสำหรับใครหลาย ๆ คนที่ต้องการแก้ปัญหานี้อย่างถาวร เป็นการผ่าตัดเพื่อลดขนาดของกระดูกโหนกแก้มที่ยื่นออกมาจนเกินพอดี โดยมีทีมแพทย์มากประสบการณ์ทำการผ่าตัด กรอกระดูก หรือเลื่อนกระดูกกรามใหญ่ให้เล็กลง ซึ่งจะช่วยลดขนาดของโหนกแก้มได้นั่นเอง

ผู้หญิงหันข้างมือสัมผัสหน้า หลับตา มีลูกศรชีบริเวณกราม เพื่อแสดงส่วนที่เป็นกรามบนใบหน้า

กรามคือส่วนไหนของใบหน้า?

กราม คือส่วนล่างของหน้า อยู่บริเวณใต้คาง จะค่อยทำหน้าที่ในการเคี้ยวอาหาร ซึ่งกระดูกกรามจะมีลักษณะขนาดใหญ่ที่ประกอบกันเป็นขากรรไกรล่าง ประกอบด้วยกระดูกขากรรไกรล่าง 2 ชิ้น เชื่อมกันด้วยข้อต่อกราม กระดูกกรามมีลักษณะโค้งมน บริเวณมุมของกระดูกกรามเรียกว่า มุมขากรรไกร ซึ่งจะเป็นส่วนที่สังเกตได้ชัดเจนที่สุดของกราม โดยกรามจะแบ่งเป็น 2 ส่วนด้วยกันดังนี้

  • ขากรรไกรล่าง : เป็นกระดูกขนาดใหญ่ที่ประกอบกันเป็นขากรรไกรล่าง ซึ่งประกอบด้วยกระดูกขากรรไกรล่าง 2 ชิ้น เชื่อมกันด้วยข้อต่อกราม
  • กล้ามเนื้อกราม : เป็นกล้ามเนื้อที่ยึดเกาะกับกระดูกขากรรไกรล่าง ทำหน้าที่ในการเคี้ยวอาหาร

โดยทั่วไป กรามจะเป็นส่วนสำคัญของใบหน้าที่ช่วยเสริมสร้างกรอบหน้าให้ดูชัดเจนขึ้น อย่างไรก็ตาม บางคนอาจมีปัญหา กรามใหญ่ หรือกรามเหลี่ยม ซึ่งอาจทำให้ใบหน้าดูไม่สมส่วน และขาดความมั่นใจได้ วิธีแก้ไขกรามใหญ่สามารถทำได้หลายวิธี เช่น การทำศัลยกรรมผ่าตัดกราม การทำทรีตเมนต์ด้วยโบท็อกซ์ หรือฟิลเลอร์ เป็นต้น

สาเหตุที่ทำให้กรามให้ใหญ่มาจากพันธุกรรม และพฤติกรรม

ปัญหาโหนกแก้มสูงกรามใหญ่เกิดจากอะไร?

  • พันธุกรรม เป็นสาเหตุหลักที่พบได้บ่อยที่สุด โดยคนที่มีโหนกแก้มสูง กรามใหญ่มักมีประวัติครอบครัวที่มีลักษณะเช่นนี้เหมือนกัน
  • การเจริญเติบโตของกระดูก บางคนอาจมีการเจริญเติบโตของกระดูกดีมาก ก็อาจทำให้มีกรามขนาดใหญ่ได้เช่นกัน
  • การเคี้ยวอาหาร การเคี้ยวอาหารที่มีความเหนียว และแข็งบ่อย ๆ เป็นเวลานาน อาจทำให้กล้ามเนื้อกรามต้องออกแรงเยอะ เมื่อนานวันเข้าก็ทำให้กล้ามเนื้อบริเวณนี้เริ่มแน่นขึ้น จนเกิดปัญหากรามใหญ่ตามมาได้
  • โรคบางชนิด เช่น โรคไทรอยด์เป็นพิษ อาจทำให้กระดูกบริเวณโหนกแก้ม และขากรรไกรมีขนาดใหญ่ขึ้นได้
  • การบาดเจ็บ หรือประสบอุบัติเหตุที่บริเวณใบหน้า อาจทำให้กระดูกบริเวณโหนกแก้ม และขากรรไกรได้รับความเสียหายรุนแรง จนเกิดการอักเสบเรื้อรัง ซึ่งอาจส่งผลทำให้กระดูกบริเวณนั้นโตขึ้นได้
หน้าตรงผู้หญิง มีกราฟิกแสงช่วงกรามด้านซ้าย ระบุว่ากรามใหญ่

ใครเหมาะสำหรับการผ่าตัดปรับโครงหน้า

การผ่าตัดปรับโครงหน้า เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับใบหน้า เช่น โครงหน้าเบี้ยว โครงหน้าไม่สมส่วน โหนกแก้มสูง หรือต่ำจนเกินไป คางสั้น กรามเหลี่ม เป็นต้น ซึ่งการผ่าตัดนี้สามารถช่วยปรับรูปหน้าให้สวยงามสมส่วน และเป็นไปตามต้องการได้ นอกจากนี้ การผ่าตัดปรับโครงหน้ายังเหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาสุขภาพบนใบหน้า เช่น มีปัญหาในการบดเคี้ยวอาหาร ปัญหาในการหายใจ เป็นต้น โดยการผ่าตัดนี้สามารถช่วยแก้ไขปัญหาสุขภาพเหล่านี้ได้อีกด้วย

โดยทั่วไปแล้ว การผ่าตัดปรับโครงหน้าสามารถทำได้ในผู้ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป และผู้ที่มีสุขภาพร่างกายแข็งแรงดี ไม่มีโรคประจำตัวที่เป็นอุปสรรคต่อการผ่าตัด ผู้ที่ต้องการเข้ารับการผ่าตัดปรับโครงหน้า ควรปรึกษาศัลยแพทย์ผู้มีประสบการณ์ เนื่องจากต้องประเมินโครงสร้างได้อย่างละเอียด และวางแผนการผ่าตัดที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล

ผู้ชายหันข้างมีข้อความกราใหญ่ชี้ไปช่วงกรามด้านขวาเขียนว่า กรามที่ใหญ่จากกระดูก

ลักษณะกรามใหญ่มีกี่แบบ?

ลักษณะกรามใหญ่สามารถแบ่งออกเป็น 3 แบบหลัก ๆ ดังนี้

  1. กรามที่ใหญ่จากกล้ามเนื้อ ซึ่งเกิดจากกล้ามเนื้อบริเวณกรามขยายใหญ่ขึ้น จากการเคี้ยวอาหารเหนียว ๆ อาหารเคี้ยวยากบ่อย ๆ หรือเกิดจากพฤติกรรมการนอนกัดฟัน โดยลักษณะกรามที่ใหญ่สามารถสังเกตได้จากการกัดฟันแล้วคลำบริเวณกราม อาจมีกล้ามเนื้อเด้งสู้มือ หรือนูนขึ้นชัดเจน
  2. กรามที่ใหญ่จากกระดูก เกิดจากโครงสร้างกระดูกขากรรไกรใหญ่ ลักษณะกรามใหญ่จากกระดูกจะสังเกตได้จากการกัดฟันแล้วคลำบริเวณกราม หากมีสันกระดูกชัดเจน กระดูกขยับออกมา
  3. กรามที่ใหญ่จากไขมัน เกิดจากไขมันสะสมบริเวณกราม ลักษณะกรามใหญ่จากไขมันจะสังเกตได้จากการบีบบริเวณกราม อาจมีก้อนไขมันนูนออกมา

นอกจากนี้ ยังมีลักษณะกรามขยายใหญ่แบบอื่น ๆ ที่เป็นลักษณะเฉพาะของแต่ละบุคคล เช่น กรามใหญ่ข้างเดียว หรือกรามใหญ่แก้มเยอะ

ฉีดโบท็อกที่กรามเพื่อแก้กรามใหญ่ และผ่าตัดศัลยกรรมเพื่อแก้กรามใหญ่

กรามใหญ่สามารถแก้ได้ด้วยวิธีไหนบ้าง?

  • ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทานอาหาร หลีกเลี่ยงการเคี้ยวอาหารเหนียว ๆ อาหารเคี้ยวยาก เช่น ผลไม้แข็ง ๆ ถั่ว เมล็ดพืช ขนมปังกรอบ เป็นต้น แนะนำเคี้ยวอาหารให้ละเอียดก่อนกลืน หลีกเลี่ยงการกัดฟันบ่อย ๆ
  • ฉีดโบท็อกซ์ เป็นวิธีการที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในปัจจุบัน เป็นการฉีดสารโบท็อกซ์เข้าไปยังกล้ามเนื้อกราม ทำให้กล้ามเนื้อคลายตัว ส่งผลให้กรามเล็กลง ผลลัพธ์จะอยู่ได้ประมาณ 6 – 8 เดือน อาจจะต้องกลับมาฉีดซ้ำทุก 6 – 8 เดือน
  • การฉีดฟิลเลอร์คาง เป็นการใช้สารเติมเต็มประเภทไฮยาลูรอนิค แอซิด (Hyaluronic Acid) ฉีดเข้าไปบริเวณคาง เพื่อเพิ่มความคมชัดให้กับคาง ทำให้ใบหน้าดูเรียวขึ้น ส่งผลให้กรามดูเล็กลงตามไปด้วย
  • ร้อยไหมดึงแก้ม เป็นการใช้ไหมละลายขนาดเล็กร้อยเข้าไปใต้ชั้นผิวบริเวณแก้ม เพื่อดึงแก้มขึ้น ทำให้ใบหน้าดูเรียวขึ้น ส่งผลให้กรามดูเล็กลงตามไปด้วย
  • ผ่าตัดศัลยกรรมปรับโครงหน้า เป็นวิธีที่ทำให้กรามเล็กลงได้แบบถาวร เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหากรามใหญ่จากกระดูก แพทย์จะทำการผ่าตัดตัดกระดูกกรามออก โดยสามารถเลือกตัดได้ ทั้งจากภายในช่องปาก หรือภายนอกช่องปาก ขึ้นอยู่กับตำแหน่งของกระดูกกราม
ผู้หญิงหันข้างมีกราฟิกเส้นประแสดงความโค้งของกราม

การศัลยกรรมแก้กรามใหญ่อันตรายไหม?

การศัลยกรรมแก้กรามนั้น ถือเป็นการผ่าตัดใหญ่มักจะใช้เวลาประมาณ 2 – 3 ชั่วโมง โดยศัลยแพทย์จะทำการกรีดแผลภายในปาก หรือภายนอกปาก เพื่อตัดกระดูกกรามออกบางส่วน ขึ้นอยู่กับความต้องการ และลักษณะใบหน้าของคนไข้ โดยทั่วไปแล้ว ผลลัพธ์ของการผ่าตัดจะคงอยู่ถาวร แต่อาจมีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยตามอายุ และน้ำหนักของแต่ละบุคคล

เนื่องจากการผ่าตัดกรามป็นการผ่าตัดที่ใหญ่ จึงอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนได้เช่นเดียวกับการผ่าตัดอื่น ๆ ซึ่งภาวะแทรกซ้อนที่เกิดขึ้นจากการศัลยกรรมแก้กราม ได้แก่ การติดเชื้อ เลือดออก และภาวะแทรกซ้อนที่ร้ายแรงที่สุดจากการศัลยกรรมแก้กราม คือเส้นประสาทได้รับความเสียหาย ซึ่งอาจทำให้สูญเสียความรู้สึกบริเวณปาก ฟัน ริมฝีปาก และลิ้นได้ ภาวะแทรกซ้อนนี้มักเกิดขึ้นชั่วคราว แต่อาจเกิดขึ้นถาวรได้หากไม่ได้รับการรักษาที่เหมาะสม

ผู้หญิงหน้าตรงใช้มือสัมผัสหน้าด้านขวามีกราฟิกเส้นประบริเวณกรามที่เล็กลงแล้ว

ข้อดีของการผ่าตัดลดขนาดกราม

การตัดกราม หรือการศัลยกรรมลดขนาดกราม เป็นการผ่าตัดเพื่อปรับแต่งรูปหน้าให้ดูเรียวเล็กลง โดยการตัดกระดูกกราม เพื่อให้ใบหน้าดูสมส่วนมากขึ้น การตัดกรามมีข้อดีหลายประการ ดังนี้

  • ช่วยให้ใบหน้าดูเรียวเล็กลง การตัดกรามจะช่วยปรับแต่งมุมกรามให้เล็กลง ทำให้ใบหน้าดูเรียวเล็กลง และได้รูปทรงที่สมส่วนมากขึ้น
  • ช่วยเพิ่มความมั่นใจ การมีใบหน้าที่เรียวเล็กลงจะช่วยเสริมบุคลิกภาพ และเพิ่มความมั่นใจให้กับบุคคลนั้น
  • มีความปลอดภัย และได้ผลลัพธ์ที่ถาวร การตัดกรามเป็นการผ่าตัดที่ปลอดภัย และได้ผลลัพธ์ที่ถาวร เมื่อกระดูกกรามถูกตัดแต่งแล้ว จะไม่กลับคืนสู่สภาพเดิม

การตัดกรามเหมาะกับผู้ที่มีปัญหากรามใหญ่ หรือเหลี่ยมกรามชัด ซึ่งอาจทำให้ใบหน้าดูไม่สมส่วน ดูดุดัน การตัดกรามสามารถช่วยปรับแต่งรูปหน้าให้ดูเรียวเล็กลง ได้รูปทรงที่สมส่วนมากขึ้น ส่งผลให้บุคคลนั้นดูมั่นใจ และสวยงามยิ่งขึ้น

ผู้เข้ารับการผ่าตัดนอนหงายมีการวาดเส้นประลงบนหน้าช่วงกรามถึงคาง และมือแพทย์ผู้ผ่าตัดกำลังจะลงมีด

ศัลยกรรมปรับโครงหน้ามีกี่เทคนิค

การตัดกรามเป็นการผ่าตัดเพื่อลดขนาดของกราม โดยศัลยแพทย์จะตัดกระดูกกรามบริเวณมุมกราม หรือขากรรไกรล่างออก เพื่อช่วยปรับรูปหน้าให้เรียวสวยขึ้น ในปัจจุบันมีเทคนิคการตัดกรามอยู่ 2 เทคนิคหลัก ๆ คือ

  1. เทคนิคเปิดแผลนอกช่องปาก (External Jaw Reduction)

เป็นเทคนิคการตัดกรามแบบดั้งเดิม ศัลยแพทย์จะเปิดแผลบริเวณมุมกรามทั้ง 2 ข้าง ยาวประมาณ 2 – 3 เซนติเมตร เพื่อเข้าถึงกระดูกกราม จากนั้นจึงใช้เครื่องมือตัดกระดูกกรามออกตามขนาดที่ต้องการ เทคนิคนี้มีข้อดีคือ ศัลยแพทย์สามารถมองเห็นกระดูกกรามได้ชัดเจน ทำให้สามารถตัดกระดูกได้อย่างแม่นยำ แต่มีข้อเสียคือ ทำให้เกิดแผลเป็นบริเวณมุมกราม ซึ่งอาจมองเห็นได้ชัดเจน

  1. เทคนิคเปิดแผลในช่องปาก (Internal Jaw Reduction)

เป็นเทคนิคการตัดกรามแบบใหม่ ศัลยแพทย์จะเปิดแผลบริเวณซอกเหงือกด้านหลังฟันกราม เข้าไปที่มุมกระดูกขากรรไกร จากนั้นจึงใช้เครื่องมือตัดกระดูกกรามออกตามขนาดที่ต้องการ เทคนิคนี้มีข้อดีคือ ไม่เห็นแผลเป็นบริเวณมุมกราม แต่มีข้อเสียคือ ศัลยแพทย์อาจมองเห็นกระดูกกรามได้ยากกว่าเทคนิคเปิดแผลนอกช่องปาก ทำให้อาจตัดกระดูกกรามไม่เท่ากัน หรือผิดตำแหน่งได้

นอกจากเทคนิคการผ่าตัดแล้ว ยังมีปัจจัยอื่น ๆ ที่ส่งผลต่อผลลัพธ์ของการตัดกราม เช่น ประสบการณ์ของศัลยแพทย์ คุณภาพของเครื่องมือผ่าตัด และการดูแลหลังผ่าตัด ดังนั้น จึงควรเลือกศัลยแพทย์ที่มีประสบการณ์สูง เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี และปลอดภัยค่ะ

แชร์เลย: