ฉีดฟิลเลอร์ปาก
ปากสวยสั่งได้ด้วย ….“ฉีดฟิลเลอร์ปาก”
ริมฝีปากสวยอวบอิ่มเข้ากับใบหน้าคงเป็นสิ่งที่คนไข้หลายคนใฝ่ฝันใช่มั้ยครับ ฟิลเลอร์ปาก จึงเป็นทางเลือกใหม่ที่ได้รับความนิยมในปัจจุบันเพื่อการปรับรูปทรงปากให้ดูสวยสะดุดตา นอกจากจะมีข้อดีในเรื่องเห็นผลไว ไม่ต้องพักฟื้น ไม่ต้องผ่าตัดแล้ว ยังส่งผลให้ใบหน้าคนไข้ดูมีเสน่ห์น่าหลงใหลอีกด้วยครับ
สำหรับคนไข้ท่านใดที่กำลังศึกษาเกี่ยวกับการฉีดฟิลเลอร์ปาก อยู่ในบทความนี้ผมจะมาพูดถึงข้อมูลต่าง ๆ ที่คนไข้ควรรู้ รวมไปถึงความปลอดภัยในการฉีดฟิลเลอร์ปากให้เห็นผลลัพธ์ที่ดีพร้อมกันนะครับ
ฟิลเลอร์ปากคืออะไร
ฟิลเลอร์เป็นสารเติมเต็มผิวชนิดหนึ่งประเภท ไฮยาลูโรนิค แอซิด (Hyaluronic Acid) โดยการฉีดฟิลเลอร์ปากสามารถช่วยเติมเต็มริมฝีปากให้ดูอวบอิ่ม เซ็กซี่ได้ทันทีหลังฉีดครับ อีกทั้งยังแก้ปัญหาปากล่าง – ปากบนไม่เท่ากัน,ปากแห้งแตกเป็นร่องหรือเป็นขุยได้ครับ
นอกจากนี้ริมฝีปากกับรอยยิ้มยังเป็นของคู่กันอีกด้วยครับ ทำให้การฉีดฟิลเลอร์ปากสามารถแก้ปัญหารูปปากคว่ำที่ทำให้ดูหน้าบึ้ง ให้กลับมาดูยิ้มแย้มสดใสขึ้นครับ ด้วยเทคนิคจากแพทย์ที่มีประสบการณ์จึงช่วยปรับทรงปากให้เข้ากับใบหน้าได้ชัดเจนครับ
ฉะนั้นคนไข้ที่ฉีดฟิลเลอร์ปากครั้งแรกควรศึกษาให้ดีก่อนตัดสินใจนะครับ เพราะปัจจัยที่สำคัญยังมีเรื่องของราคา การเลือกแพทย์ที่มีประสบการณ์ ความน่าเชื่อถือของสถาพยาบาล รวมถึงรีวิวของผู้ใช้บริการจริง เพื่อประกอบในการตัดสินใจก่อนฉีดฟิลเลอร์ปากนะครับ
เทคนิคการฉีดฟิลเลอร์ปาก
หัตถการฟิลเลอร์ปากนั้นต้องอาศัยแพทย์ที่มีประสบการณ์พร้อมกับเทคนิคเฉพาะทางที่มีความสามารถประเมินรูปหน้าคนไข้ เลือกตำแหน่งการฉีดฟิลเลอร์ได้อย่างเหมาะสม ไม่ลึกหรือตื้นจนเกินไป เพื่อให้ปากได้รูปทรงที่สวยดูเป็นธรรมชาตินั่นเองครับ
โดยแพทย์จะฉีดบริเวณขอบปากหรือร่องบนริมฝีปาก ซึ่งต้องอาศัยแพทย์ที่มีฝีมือเป็นพิเศษครับ เพราะฟิลเลอร์มีคุณสมบัติช่วยกักเก็บน้ำ สามารถฉีดเสริมชั้นผิวหนังให้มีความยืดหยุ่นแก้ปัญหารูปทรงปากไม่เข้ากับใบหน้าได้ครับ จึงทำให้นิยมนำฟิลเลอร์มาใช้ในวงการเสริมความงาม เพื่อให้รูปทรงปากเป็นกระจับสวยงามเข้ากับใบหน้าของคนไข้ครับ
หลายคนอาจเข้าใจว่าปัญหาทรงปากที่ผิดรูปมีสาเหตุหลักมาจากฟิลเลอร์ จริง ๆ แล้วฟิลเลอร์ถือว่าเป็นทางออกที่ดีสำหรับการแก้ปัญหาดังกล่าวครับ ถึงอย่างไรหากคนไข้ฉีดฟิลเลอร์กับแพทย์ที่ไม่มีประสบการณ์ หรือไม่มีใบรับรองวิชาชีพ ก็สามารถส่งผลกระทบให้แก่คนไข้ได้โดยตรง จึงควรศึกษาให้แน่ใจก่อนมาฉีดฟิลเลอร์นะครับ
ใครบ้างที่ควรทำฟิลเลอร์ปากกระจับ
โดยปกติแล้วริมฝีปากที่ดูสวยได้รูป เย้ายวน จะช่วยเพิ่มเสน่ห์และแรงดึงดูดให้แก่สาว ๆ คนทุกครับ ยกเว้นกรณีที่คนไข้มีอายุเพิ่มมากขึ้น ก็สามารถส่งผลให้เนื้อบริเวณริมฝีปากดูบางลงได้เช่นกันครับ ทำให้คนไข้หมดความน่าหลงใหล ไม่มั่นใจในการทาลิป ฉะนั้นผมจึงอยากเล่าให้ฟังว่าการฉีดฟิลเลอร์ปากกระจับเหมาะกับใครบ้าง เชิญชมได้ตามนี้เลยครับ
- คนที่มีปัญหาปากบนหนา,ปากบนใหญ่,ปากไม่เป็นทรง สามารถฉีดฟิลเลอร์ปรับทรงเป็นปากกระจับได้ครับ
- คนที่มีปัญหาปากคว่ำ ยิ้มแล้วไม่สวยหน้าดูดุ สามารถฉีดฟิลเลอร์ทำปากกระจับโดยการยกมุมปากขึ้น เพื่อให้รอยยิ้มดูสวยอย่างเป็นธรรมชาติครับ
- คนที่มีปัญหาปากเป็นเส้นตรงไม่มีมิติ สามารถฉีดฟิลเลอร์ปากเพื่อปรับเป็นทรงปากกระจับได้ครับ
- คนที่มีปัญหาหลังศัลยกรรมตัดริมฝีปากแล้วบางเกินไป สามารถฉีดฟิลเลอร์เพื่อเพิ่มความอวบอิ่มให้กับปากได้ครับ
- คนที่มีปัญหาริมฝีปากแห้ง ปากไม่เท่ากัน ปากเป็นร่อง สามารถฉีดฟิลเลอร์ปากเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้น ปรับรูปทรงให้เป็นปากกระจับได้ครับ
การฉีดฟิลเลอร์ปากกระจับ จึงเหมาะกับคนไข้ที่ต้องการเสริมบุคลิกภาพและเพิ่มความมั่นใจครับ แถมยังช่วยให้ใบหน้าคนไข้ดูโดดเด่นมีมิติมากกว่าเดิมครับ โดยฟิลเลอร์สามารถใช้ได้ทั้งชายหญิงรวมไปถึง LGBTQIA+ ทุกคนนะครับ
ฟิลเลอร์ปากกับศัลยกรรมผ่าตัดปากต่างกันอย่างไร
ปัจจุบันยังมีคนไข้บางรายที่ไม่รู้ถึงความแตกต่างระหว่าง การฉีดฟิลเลอร์ปากกับการผ่าตัดศัลยกรรมปากวิธีไหนที่เหมาะสำหรับคนไข้ที่สุด แต่ใช่ว่าทุกคนจะสามารถฉีดฟิลเลอร์ปากกระจับได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับลักษณะรูปทรงปากของคนไข้แต่ละคนด้วยครับ ดังนั้นในหัวข้อนี้ผมจะขออธิบายถึงความแตกต่าง ข้อดีและข้อควรระวังของทั้งสองหัตถการให้ได้เข้าใจกันง่ายยิ่งขึ้น
- ฉีดฟิลเลอร์ปาก
หากคนไข้เลือกหัตถการฉีดฟิลเลอร์ปาก จุดประสงค์หลัก ๆ ในการฉีดฟิลเลอร์ปากก็เพื่อช่วยให้ปากดูอวบอิ่มขึ้นครับ แถมสามารถทำรูปทรงได้ตามความชอบครับ โดยต้องอยู่ในการดูแลของแพทย์เฉพาะทางนะครับ และยังสามารถเลือกรูปทรงของปากได้ตามเทรนด์ปัจจุบัน เช่นปากสายฝอ ปากสายเกา และปากกระจับครับ ซึ่งผลลัพธ์หลังฉีดฟิลเลอร์ปากไม่สามารถอยู่ได้ถาวรนะครับ ถึงอย่างไรก็ยังมีข้อดีที่คนไข้ต้องประทับใจอย่างเช่น ไม่ต้องพักฟื้นหลังฉีดฟิลเลอร์ปาก , ไม่มีรอยแผลเป็นจากการผ่าตัดเย็บแผลครับ และฟิลเลอร์สามารถสลายได้เองตามธรรมชาติครับ ส่วนในกรณีที่คนไข้เกิดไม่พึงพอใจในรูปทรงปาก คนไข้สามารถฉีดสลายฟิลเลอร์ได้ทันทีครับ
- ศัลยกรรมปาก
ส่วนคนไข้ที่ต้องการผ่าตัดศัลยกรรมปากจะแบ่งออกได้เป็น 3 ประเภทนะครับคือ การผ่าตัดศัลยกรรมปากกระจับ , การผ่าตัดศัลยกรรมปากบาง และการผ่าตัดศัลยกรรมเพื่อแก้ปัญหารูปปากที่มีปัญหาผิดปกติ ซึ่งการผ่าตัดศัลยกรรมสามารถทำได้ทั้งปากบน – ปากล่างครับ ซึ่งข้อดีในการผ่าตัดศัลยกรรมคือผลลัพธ์สามารถอยู่ได้ถาวร แต่รูปทรงที่ได้จะขึ้นอยู่กับทรงปากเดิมหรือเนื้อปากของคนไข้แต่ละคนนะครับ ส่วนหลังผ่าตัดจำเป็นต้องใช้เวลาในการพักฟื้นอย่างน้อย 1 – 2 สัปดาห์ครับ และคนไข้อาจต้องรับความเสี่ยงจากการผ่าตัด เนื่องจากอาจเกิดข้อผิดพลาดได้ จึงควรศึกษาข้อมูลให้แน่ใจก่อนตัดสินใจผ่าตัดศัลยกรรมปากนะครับ
ฉะนั้นการฉีดฟิลเลอร์ปากและการผ่าตัดศัลยกรรมปาก ทั้งสองหัตถการจะมีข้อดี – ข้อเสียที่แตกต่างกันไปครับ โดยการฉีดฟิลเลอร์จะมีความหยืดหยุ่นมากกว่าการผ่าตัดและเน้นปรับทรงรูปปากให้ดูอวบอิ่มครับ แต่ยังมีภาวะแทรกซ้อนบางอย่างที่คนไข้เจออย่างเช่น แพ้ฟิลเลอร์ , เกิดการอักเสบหลังฉีดฟิลเลอร์หรือเป็นก้อนหลังฉีดฟิลเลอร์ปาก ซึ่งส่วนใหญ่พบในคนไข้ที่เลือกฉีดฟิลเลอร์กับแพทย์ที่ไม่มีประสบการณ์ ไม่มีใบประกอบวิชาชีพ และใช้ฟิลเลอร์ปลอมครับ
ส่วนการผ่าตัดศัลยกรรมที่ได้ผลถาวร ก็มีความเสี่ยงทั้งก่อน – หลังผ่าตัดได้เช่นกันครับ ทั้งสองหัตถการจึงควรศึกษาข้อมูลแหล่งที่มาการรีวิวจากผู้ใช้บริการจริง และสถานพายาบาลมีความน่าเชื่อถือมากน้อยเพียงใดให้แน่ใจก่อนตัดสินใจด้วยนะครับ
ฟิลเลอร์ที่เหมาะกับการฉีดปาก
สำหรับคนไข้ที่สนใจฉีดฟิลเลอร์ปาก ทราบไหมครับว่าฟิลเลอร์มีหลายยี่ห้อและหลายรุ่นที่เหมาะสำหรับฉีดปากโดยเฉพาะครับ โดยผมจะมาเล่าถึงข้อดีและคุณสมบัติต่างๆ ของแต่ละยี่ห้อที่แพทย์ให้การยอมรับจากทั่วทุกมุมโลกที่ใช้ในหัตถการฟิลเลอร์ปากนะครับ เพื่อให้ได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ที่สุดแก่คนไข้เชิญรับชมพร้อมกันได้เลยครับ
Juvederm
ฟิลเลอร์ juvederm เป็นฟิลเลอร์นำเข้าจากประเทศสหรัฐอเมริกา ที่ได้รับการยอมรับจากแพทย์ทั่วโลก ในการนำมาปรับรูปหน้าของคนไข้ครับ ผลิตโดยบริษัท Allergan เป็นฟิลเลอร์ที่ได้รับมาตรฐานอย. ผ่านการรับรองจาก US FDA และอย.ของประเทศไทย โดยมีรุ่นที่นิยมอยู่ 4 รุ่นดังนี้ครับ
- Juvederm Ultra Plus
ฟิลเลอร์รุ่นนี้ลักษณะเป็นเนื้อเจล นิ่ม ฉีดแล้วฟูมาก เหมาะสำหรับคนไข้ที่ต้องการปากอวบอิ่มแบบสายฝอ ฟิลเลอร์สามารถอยู่ในร่างกายได้นานถึง 12 เดือนก่อนสลายไปเองตามธรรมชาติครับ
- Juvederm Voluma
ฟิลเลอร์รุ่นนี้ มีลักษณะเป็นเนื้อเจล แข็งและฟูปานกลางครับ ฟิลเลอร์มีโมเลกุลขนาดใหญ่ทำให้มีความยืดหยุ่นสูง เหมาะสำหรับคนไข้ที่มีการขยับบริเวณปากบ่อยๆ ต้องการปากที่ดูอวบอิ่มเพิ่มขึ้น โดยฟิลเลอร์อยู่ได้นานถึง 18 เดือนครับ
- Juvederm Volift
ฟิลเลอร์รุ่นนี้ มีลักษณะเป็นเนื้อเจล นิ่ม มีความละเอียดและยืดหยุ่นสูงครับ เหมาะสำหรับคนไข้ที่ต้องการปรับทรงรูปปากให้เข้ากับใบหน้า โดยให้ผลลัพธ์หลังฉีดอย่างเป็นธรรมชาติ ไม่เป็นก้อนสามารถอยู่ในร่างกายได้นานถึง 12 เดือนครับ
- Juvederm Volite
ฟิลเลอร์รุ่นนี้ มีลักษณะเป็นเนื้อละเอียดบางเบา เหมาะสำหรับคนไข้ที่มีผิวเปราะบาง สามารถช่วยบำรุงผิว ทำให้ผิวปากชุ่มชื้น และอวบอิ่มขึ้นเล็กน้อย คงผลลัพธ์หลังฉีดได้นานถึง 8-12 เดือนครับ
Restylane
Restylane เป็นฟิลเลอร์ที่มีต้นกำเนิดจากประเทศสวีเดน โดยมีมาตรการผลิตที่ดูแลภายใต้บริษัท Galderma ซึ่งได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา (US FDA) ไทย และเกาหลีใต้ รวมถึงได้รับการรับรองมาตรฐานผลิตภัณฑ์จากสหภาพยุโรป (EDQM) ทำให้เป็นฟิลเลอร์ที่สามารถเชื่อมั่นได้ในเรื่องของคุณภาพและความปลอดภัยครับ โดยมีรุ่นที่สามารถใช้ได้4 รุ่นตามนี้เลยครับ
- Restylane Kysse
เป็นเนื้อเจลมีลักษณะนิ่ม ละเอียด โดยฟิลเลอร์มีส่วนผสมของยาชาและเป็นรุ่นพิเศษที่ออกแบบมาเพื่อใช้การฉีดฟิลเลอร์ปากโดยเฉพาะ เหมาะสำหรับคนไข้ที่ต้องการปรับริมฝีปากให้เรียบเนียนหรือเพิ่มวอลลุ่มให้ริมฝีปากดูสวยขึ้นครับให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ อยู่ได้นานถึง 12 เดือนครับ
- Restylane Vital Light
รุ่นนี้เนื้อเจลมีลักษณะ ละเอียดมีส่วนผสมของยาชา ฟิลเลอร์มีโมเลกุลขนาดเล็กและนิ่มมากที่สุด เหมาะสำหรับคนไข้ที่ต้องการแก้ปัญหาริมฝีปากแห้งให้กลับมาชุ่มชื้น โดยไม่ต้องการเพิ่มความหนาของริมฝีปาก ฟิลเลอร์อยู่ในร่างกายได้นานถึง 6-8 เดือนครับ
- Restylane Volyme
รุ่นนี้เนื้อเจลมีลักษณะ นิ่มปานกลางครับ มีความยืดหยุ่นสูงและมีส่วนผสมของยาชา ทำให้เหมาะกับคนไข้ที่ต้องการฉีดยกกระชับบริเวณมุมปาก ซึ่งช่วยแก้ปัญหามุมปากตกทำให้ยิ้มไม่สวยได้ครับ โดยฟิลเลอร์อยู่ได้นานถึง 18 เดือนครับ
- Restylane Refyne
รุ่นนี้เนื้อเจลมีลักษณะ นิ่ม มีส่วนผสมของยาชาที่มีโมเลกุลขนาดเล็กแต่ความยืดหยุ่นสูง เหมาะสำหรับคนไข้ที่มีผิวปากบางสามารถเติมเต็มฟิลเลอร์ให้ปากดูอวบอิ่มเพิ่มขึ้นได้อย่างเป็นธรรมชาติครับ ฟิลเลอร์สามารถอยู่ได้นานถึง 8-12 เดือนครับ
คนไข้จะเห็นได้ว่าฟิลเลอร์ทั้งสองยี่ห้อที่ผมได้แนะนำนั้น มีความปลอดภัยและเป็นที่ยอมรับกันอย่างแพร่หลายทั่วทุกมุมโลกโดยแพทย์ชั้นนำครับ ซึ่งมีการพัฒนารุ่นของฟิลเลอร์ให้หลากหลายมากขึ้น เพื่อแก้ปัญหาต่างๆได้อย่างครอบคลุมบนใบหน้าของคนไข้ครับ เพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาดีที่สุดคนไข้ควรเลือกฉีดฟิลเลอร์ปากกับแพทย์ที่มีประสบการณ์ และเลือกสถานพยาบาลที่ได้มาตรฐานมีการรีวิวจากผู้ใช้จริงเสมอนะครับ
ขั้นตอนการฉีดฟิลเลอร์ปากครั้งแรก
สำหรับคนไข้ท่านใดที่กำลังจะตัดสินใจไปฉีดฟิลเลอร์ปากเป็นครั้งแรก ผมจะขอมาอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับขั้นตอนต่างๆที่ทางแพทย์จะทำการฉีดฟิลเลอร์ปากนะครับ ว่ามีขั้นตอนอะไรบ้างและมีวิธีการอย่างไร โดยมีขั้นตอนง่ายๆ สี่ขั้นตอนใช้เวลาเพียงอึดใจเดียวก็เสร็จแล้ว ถ้าคนไข้พร้อมรับฟังข้อมูลแล้วล่ะก็ตามมาดูกันได้เลยครับ
ขั้นตอนแรก (การประเมินรูปหน้าของคนไข้)
อันดับแรกแพทย์จะปรึกษาและทำการประเมินรูปทรงปากของคนไข้ก่อนครับ ว่าทรงปากแบบไหนที่เหมาะกับใบหน้าคนไข้ หรือถ้าคนไข้มีรูปทรงปากที่ต้องการอยู่แล้วสามารถโชว์รูปภาพให้ทางแพทย์พิจารณาตามความเหมาะสมได้ครับ
ขั้นตอนที่สอง (ทายาชา)
ขั้นตอนนี้จะมีการแปะยาชาให้คนไข้ก่อนทำการฉีดฟิลเลอร์ประมาณ 20 – 30 นาทีครับ เพื่อให้ยาชาออกฤทธิ์จะได้ลดความเจ็บระหว่างทำหัตถการครับ แต่ถ้าแพทย์ใช้ฟิลเลอร์ตระกูล Restylane ก็จะมียาชาเป็นส่วนผสมอยู่แล้วสามารถฉีดให้กับคนไข้ได้เลยครับ
ในกรณีที่คนไข้แพ้ยาชาควรแจ้งแพทย์ก่อนเข้ารับการฉีดฟิลเลอร์ครับ เพื่อความสะดวกรวดเร็ว โดยทางแพทย์จะใช้การประคบเย็นแทนการใช้ยาชานั่นเองครับ
ขั้นตอนที่สาม (ฉีดยาชา)
ขั้นตอนนี้แพทย์จะใช้เทคนิคในการฉีดยาชาเพื่อบล็อคเส้นประสาท ทำให้ปากบนและปากล่างชาก่อนทำหัตถการฟิลเลอร์ปากครับ
ขั้นตอนที่สี่ (ฉีดฟิลเลอร์)
เป็นขั้นตอนสุดท้ายแล้วครับโดยแพทย์จะทำการฉีดฟิลเลอร์ปากและปั้นทรงปากให้สวยตามทรงที่ได้ทำการประเมินกับคนไข้ไว้ก่อนหน้า จากนั้นแพทย์จะใช้เทคนิคการใช้เข็มปลายทู่หรือเข็มปลายแหลม
ในการฉีดให้กับคนไข้ครับ พอฉีดเสร็จแล้วแพทย์จะทำการแนะนำวิธีการดูแลรักษาให้กับคนไข้ ควรปฎิบัติตามแพทย์สั่งอย่างเคร่งครัดเพื่อให้ผลของฟิลเลอร์อยู่ได้อย่างยาวนานครับ
คนไข้จะเห็นว่าในการทำหัตถการฟิลเลอร์ปากนั้นมีระยะเวลาและขั้นตอนการทำที่ค่อนข้างรวดเร็ว โดยใช้เวลาเพียง 20-30 นาทีหลังฉีดไม่มีการพักฟื้นครับและฟิลเลอร์สามารถสลายไปได้เองตามธรรมชาติครับ
ฉีดฟิลเลอร์ปากที่ไหนดีที่โรงพยาบาลมาสเตอร์พีชดีอย่างไร
สำหรับคนไข้ที่กำลังลังเลว่าควรฉีดฟิลเลอร์ปากที่สถาพยาบาลไหนดี ให้ได้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ ซึ่งมีวิธีการเลือกจากอะไร ดูอย่างไรว่าปลอดภัย ในบทความนี้ผมจะมาแนะนำวิธีการเลือกสถานพยาบาลมาฝากคนไข้ทุกท่านครับ เพื่อเพิ่มความมั่นใจก่อนฉีดฟิลเลอร์ โดยมีเรื่องไหนที่คนไข้ต้องรู้บ้างมาดูกันครับ
- สถานพยาบาลน่าเชื่อถือหรือไม่
สถานพยาบาลเป็นสิ่งแรกที่คนไข้สามารถค้นหาข้อมูลเรื่องความปลอดภัย ความสะอาด รวมถึงมีหัตถการที่คนไข้สนใจอยู่ไหมได้ง่ายครับ โดยมีสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้ามคือสถานพยาบาลมีมาตรฐาน มีใบประกอบกิจการที่ถูกต้องตามกฎหมายใช่มั้ย และเครื่องมืออุปกรณ์ในการฉีดฟิลเลอร์ปากต้องถูกสุขอนามัยด้วยครับ ถ้ามีตามที่กล่าวมาทั้งหมดสถานพยาบาลก็มีความน่าเชื่อถือสูงครับ
- ความน่าเชื่อถือและประสบการณ์ของแพทย์ผู้ทำหัตถการ
ความน่าเชื่อถือและประสบการณ์ของแพทย์เป็นสิ่งที่คนไข้ควรพิจารณาเป็นพิเศษครับ ไม่ว่าจะเรื่องผลงานทางการแพทย์ ใบประกอบวิชาชีพ และประสบการณ์ในการทำหัตถการนั้นๆครับ ซึ่งคนไข้สามารถตรวจสอบได้จากการรีวิวคนไข้ที่เข้ามาใช้บริการจริง และแพทย์ต้องสามารถอธิบายข้อมูลต่างๆ รวมถึงให้คำปรึษาที่คนไข้เข้าใจได้ง่ายอย่างละเอียดและถูกต้องครับ
- เครื่องมือที่ได้รับมาตรฐาน
เพื่อให้ผลลัพธ์หลังการฉีดฟิลเลอร์ปากเป็นไปได้อย่างปลอดภัย เครื่องมือแพทย์จึงมีความสำคัญสูงเช่นกันครับ โดยคนไข้จำเป็นต้องศึกษาหาข้อมูลสถานพยาบาล รวมไปถึงเครื่องมือหัตถการฟิลเลอร์มีความทันสมัย สะอาด ปลอดเชื้อไหม เพื่อเป็นภาพประกอบในการตัดสินใจก่อนเข้ารับหัตถการครับ
โดยทางโรงพยาบาลมาสเตอร์พีชของเรานั้น คนไข้สามารถมั่นใจได้ในเรื่องความปลอดภัย แพทย์มีประสบการณ์ มีใบประกอบวิชาชีพสามารถให้คำปรึกษากับคนไข้ในการออกแบบทรงปากได้อย่างเหมาะสม หากคนไข้มาใช้บริการที่โรงพยาบาลมาสเตอร์พีช ผมของการันตีว่าคนไข้จะได้รูปปากที่อวบอิ่มทรงสวยตามที่ต้องการควบคู่ไปกับความปลอดภัยแน่นอนครับ
การเตรียมตัวก่อนฉีดฟิลเลอร์ปาก
- ก่อนตัดสินใจฉีดฟิลเลอร์ปากคนไข้ควรหาข้อมูลความน่าเชือถือของสถานพยาบาลเสียก่อนครับ
- ศึกษาหาข้อมูลเกี่ยวกับฟิลเลอร์ที่เหมาะสำหรับฉีดปาก และวิธีการดูฟิลเลอร์แท้-ฟิลเลอร์ปลอมครับ
- แนะนำให้ดูรีวิวการเข้าใช้บริการจริงของคนไข้ท่านอื่นก่อนตัดสินใจเข้าฉีดฟิลเลอร์ปากครับ เพื่อเป็นแนวทางในการเตรียมตัวครับ
- คนไข้ควรงดทานยาชนิดผลัดเซลล์ผิวหรือยาแอสไพริน 1 สัปดาห์ก่อนเข้ารับการฉีดฟิลเลอร์ครับ เพื่อป้องกันอาการแพ้ระหว่างฉีดฟิลเลอร์ครับ
- การเตรียมตัวก่อนฉีดฟิลเลอร์ปากมีสิ่งสำคัญที่คนไข้มักคิดว่าไม่จำเป็นคือการงดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด จริงๆแล้วควรงดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิดนะครับ เนื่องจากระหว่างทำหัตถการอาจเกิดภาวะเลือดไหลไม่หยุดได้นะครับ
- ก่อนเข้าฉีดฟิลเลอร์ปากคนไข้ควรแจ้งให้แพทย์ทราบหากมีโรคประจำตัวหรือมีอาการแพ้ยาทุกครั้งนะครับ
- ก่อนเข้ารับหัตถการฟิลเลอร์คนไข้ต้องตรวจสอบให้แน่ใจก่อนนะครับว่าตนเองไม่อยู่ในภาวะตั้งครรภ์และให้นมบุตร ไม่มีประวัติแพ้สารไฮยาลูโรนิค แอซิด เพราะเป็นส่วนประกอบหลักในฟิลเลอร์นะครับ หากไม่มีอาการแพ้สารที่ระบุมา คนไข้สามารถเข้าใช้บริการฉีดฟิลเลอร์ปากได้ตามปกติครับ
การเตรียมตัวก่อนฉีดฟิลเลอร์ปากถือว่าเป็นขั้นตอนที่คนไข้ส่วนใหญ่ละเลย เพราะไม่ได้มองเห็นความสำคัญสักเท่าไหร่ โดยผมจะมาบอกเหตุผลว่าทำไมการเตรียมตัวก่อนฉีดฟิลเลอร์ปากจึงมีความสำคัญกับคนไข้ และหากไม่ปฎิบัติจะส่งผลเสียให้คนไข้ได้ในด้านใดบ้างตามนี้เลยครับ
การดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์ปาก
หลังฉีดฟิลเลอร์ปากแล้วคนไข้จำเป็นต้องรู้ถึงวิธีการดูแลรักษาเพิ่มเติมนะครับ เพื่อให้ผลลัพธ์อยู่ได้นานๆ ผมจึงเลือกวิธีการดูแลที่ได้รับการยอมรับจากแพทย์ว่าได้ผลจริงเหมาะสำหรับคนไข้ สามารถปฎิบัติตามได้ง่ายๆ ตามบทความนี้เลยครับ
- คนไข้ควรหลีกเลี่ยงการนวดหรือจับบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์มา เพื่อป้องกันรูปปากเสียทรงได้ครับ
- คนไข้ควรงดเครื่องดื่มร้อนๆ และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิดครับ เพราะมีโอกาสบวมหรืออักเสบได้ง่ายครับ
- คนไข้ควรงดการสัมผัสบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์มา หรือการลอกผิวหนังริมฝีปาก เพราะจะทำให้ประสิทธิภาพของฟิลเลอร์หลังฉีดมาน้อยลงครับ
- แพทย์จะแนะนำให้คนไข้ดื่มน้ำให้เพียงพอ เนื่องจากจะช่วยทำให้ฟิลเลอร์ฟูอยู่ได้นานและดูเป็นธรรมชาติหลังจากฉีดฟิลเลอร์ปากครับ
- หลังฉีดฟิลเลอร์ปากคนไข้ควรงดการทาลิปสติก และใช้หลอดดูดน้ำครับ เนื่องจากอาจส่งผลให้ฟิลเลอร์ปากผิดรูปได้ครับ
- คนไข้ควรรับประทานยาตามแพทย์สั่งให้หมดครับ เพื่อให้ผลลัพธ์หลังฉีดฟิลเลอร์ปากอยู่ได้อย่างยาวนานครับ
- หากคนไข้มีอาการปวดบริเวณที่ฉีดมา แพทย์แนะนำให้รับประทานยากลุ่มแก้ปวด เช่นพาราเซตามอลครับ
หากคนไข้สามารถปฎิบัติตามข้อความข้างต้นได้ทั้งหมด ผลลัพธ์ของความสวยที่มีประสิทธิก็สามารถอยู่กับคนไข้ได้อย่างยาวนานครับ
ฉีดฟิลเลอร์ปากเจ็บไหม
ต้องบอกคนไข้ตามตรงเลยครับว่า “เจ็บ” แต่อยู่ในเกณฑ์ที่สามารถทนได้ครับ เนื่องจากความอดทนของแต่ละบุคคลนั้นไม่เท่ากันอยู่แล้วครับ ซึ่งพบว่าคนไข้บางรายบอกเจ็บมาก บางรายบอกไม่เจ็บ ถึงอย่างไรก็ไม่ต้องกังวลไปนะครับ เพราะส่วนใหญ่ก่อนฉีดฟิลเลอร์ทางแพทย์จะทำการทายาชาและฉีดยาชาเพื่อบล็อคเส้นประสาทให้ก่อนอยู่แล้วครับ เพื่อป้องกันอาการบาดเจ็บที่อาจเกิดขึ้นได้ระหว่างฉีดฟิลเลอร์ครับ
เนื่องจากบริเวณริมฝีปากเป็นจุดที่มีความบอบบาง ระหว่างหัตถการก็อาจจะเจ็บเล็กน้อยครับ ก่อนฉีดฟิลเลอร์แพทย์จะมีการทายาชาเพื่อลดการเจ็บปวดครับ โดยความเจ็บขึ้นอยู่กับจำนวนเข็มที่ฉีดและความหนาของรูปปากที่ต้องการของคนไข้ครับ หลังจากฉีดฟิลเลอร์เสร็จ สามารถกลับบ้านได้ตามปกติ ไม่ต้องพักฟื้นครับ
ทำไมหลังฉีดฟิลเลอร์ปากถึงเป็นก้อน
โดยปกติฟิลเลอร์จะสามารถสลายไปได้เองตามธรรมชาติครับ ส่วนหลังฉีดฟิลเลอร์ปากแล้วเป็นก้อนนั้นเกิดได้จากหลายปัจจัย ซึ่งผมขออนุญาตแบ่งเป็นหัวข้อต่างๆเพื่อให้คนไข้เข้าใจได้ง่ายว่า สาเหตุหลักๆของฟิลเลอร์เป็นก้อนนั้นเกิดมาจากอะไรได้ตามบทความนี้เลยครับ
- ประสบการณ์ของแพทย์
การฉีดฟิลเลอร์จำเป็นต้องให้แพทย์ที่มีความรู้ มีประสบการณ์เกี่ยวกับหัตถการเท่านั้นครับ เพื่อให้ผลลัพธ์หลังฉีดเป็นที่พึงพอใจของคนไข้ หากแพทย์ไม่มีใบประกอบวิชาชีพและขาดประสบการณ์จะส่งผลให้วางตำแห่นงการฉีดฟิลเลอร์ปากผิดได้ครับ จึงเป็นสาเหตุที่ว่าทำไมฉีดฟิลเลอร์แล้วเป็นก้อนครับ
- ยี่ห้อของฟิลเลอร์ไม่เหมาะสม
หากฟิลเลอร์ที่เลือกมีขนาดของโมเลกุลที่มีความหนาแน่นสูงควรฉีดในชั้นผิวลึก ถ้าแพทย์นำมาฉีดในชั้นผิวตื้นก็สามารถทำให้ฉีดฟิลเลอร์ไหลมารวมกันทำให้เป็นก้อนได้ครับ ฉะนั้นควรตรวจสอบให้แน่ใจก่อนฉีดว่าใช้ยี่ห้อของฟิลเลอร์ที่มีความเหมาะสมกับบริเวณปากครับ
- ฟิลเลอร์ปลอม
ปัจจุบันมีฟิลเลอร์ที่ราคาถูกอยู่มากมายครับ แต่ส่วนมากจะไม่ผ่านมาตรฐานอย. เป็นฟิลเลอร์ที่ไม่สามารถสลายเองได้ครับ ไม่มีประสิทธิภาพ พอเวลาผ่านไปสักระยะฟิลเลอร์จะจับตัวกันเป็นก้อนแล้วไหลย้อยไม่เป็นทรงครับ ฉะนั้นควรตัดสินใจให้ได้ก่อนฉีด และควรดูให้แน่ใจว่าเป็นฟิลเลอร์แท้หรือไม่ครับ
จะเห็นได้ว่าฉีดฟิลเลอร์แล้วเป็นก้อน เกิดได้จากหลายสาเหตุครับ คนไข้จึงควรตรวจสอบทั้งสถานพยาบาล แพทย์และยี่ห้อของฟิลเลอร์ที่ใช้ให้แน่ใจก่อนตัดสินใจฉีดฟิลเลอร์นะครับ
ฉีดฟิลเลอร์กี่วันเข้าที่ บวมกี่วัน
ผลลัพธ์หลังฉีดคงเป็นปัจจัยหลักของคนไข้ว่าจะเกิดความพึงพอใจมาน้อยแค่ไหนใช่มั้ยครับ โดยคนไข้ส่วนใหญ่คงอยากรู้ว่าหลังฉีดฟิลเลอร์ปากกี่วันถึงเข้าที่ หรืออาการบวมจะมีกี่วัน ผมจึงนำข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อคนไข้นำมาใส่ไว้ให้ในบทความนี้นะครับ
โดยปกติหลังฉีดฟิลเลอร์ปากจะมีอาการบวม ซึ่งอาการดังกล่าวจะค่อยๆหายบวมไปเองได้ใน 4-5 วันครับ และการฉีดฟิลเลอร์ปากนั้นจะเห็นผลได้ชัดเจนที่สุดเมื่อผ่านไป 1-2 สัปาดาห์นั่นเองครับ
ฉีดฟิลเลอร์ปากกี่วันทาลิปได้
โดยปกติหลังฉีดฟิลเลอร์ปากแล้ว ในช่วงแรกอาจมีรอยเข็มเล็กๆบริเวณริมฝีปากครับ ซึ่งรอยเข็มนี้ห้ามคนไข้แกะ เกา หรือสัมผัสเด็ดขาดครับ เพราะจะทำให้เกิดอาการบวมและอักเสบได้ครับ รอยเข็มดังกล่าวนั้นจะค่อย ๆ จางหายไปภายใน 1 สัปดาห์ครับ หากรอยเข็มหายสนิทแล้วคนไข้สามารถทาลิปมันหรือลิปสติกได้ตามปกติครับ
ฟิลเลอร์ปากอันตรายไหม
คนไข้หลายคนคงเกิดความสงสัยและมีความกังวลใช่มั้ยครับ ว่าการฉีดฟิลเลอร์ปากนั้นมีอันตรายไหม เพราะคนไข้หลายคนกลัวผลกระทบที่ตามมาหรืออาจเห็นจากข่าวเกี่ยวกับด้านลบในการฉีดฟิลเลอร์ปาก อาจทำให้ปากเสียรูปทรง บวม ไม่สวยดูไม่เป็นธรรมชาติ
โดยสาเหตุดังกล่าวนั้นมีที่มาที่ไปนะครับ ส่วนมากจะพบได้ในกรณีที่คนไข้ฉีดฟิลเลอร์ปากกับแพทย์ที่ไม่มีประสบการณ์และเลือกใช้ฟิลเลอร์ปลอมเนื่องจากราคาถูก จึงทำให้เกิดผลกระทบข้างเคียงขึ้นได้ครับ หากคนไข้ตัดสินใจเลือกฟิลเลอร์แท้ที่ได้มาตรฐาน อย. มีการรับรองจากแพทย์ชั้นนำ สถานพยาบาลน่าเชือถือ มีรีวิวจากผู้ใช้จริง ก็หมดห่วงเรื่องความปลอดภัยได้เลยครับ เพราะสิ่งที่อันตรายที่สุดต่อตัวคนไข้คือความเข้าในข้อมูลต่างๆอย่างไม่ละเอียด จึงทำให้สามารถถูกเอาเปรียบได้ตลอดครับ
สรุป
เท่านี้คนไข้คงเข้าใจดีในหัตถการฟิลเลอร์ปากแล้วใช่มั้ยครับ ว่ามีผลดีอย่างไรบ้าง ควรเลือกสถานพยาบาลแบบไหน รวมไปถึงการเตรียมตัวก่อนฉีดและการดูแลหลังฉีดที่ถูกต้องเพื่อให้ผลลัพธ์ที่อยู่คู่กับคนไข้ไปได้อย่างยาวนานและมีประสิทธิภาพนั่นเองครับ