เสริมจมูกแบบโอเพ่นจากทรงจมูกเดิมด้วยเทคนิคแบบเปิด ทำได้ถึงโครงสร้างจมูก
เสริมจมูกแบบโอเพ่น
การศัลยกรรมเสริมจมูกแบบโอเพ่นเป็นเทคนิคเสริมจมูกที่แก้ไขโครงสร้างจมูกได้ดี ยืดผนังกั้นจมูกให้พุ่งสวย “ปลายไร้ซิลิโคน” ลดกังวลเรื่องการทะลุ ใบหน้าของแต่ละคนต่างก็มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่โดดเด่นและแตกต่างกัน รวมถึงมีโครงสร้าง และพื้นฐานจมูกตามลักษณะเฉพาะของคนแต่ละคนด้วย เช่น พื้นฐานจมูกชาวเอเชียที่มีความสูงบริเวณสันจมูกไม่สูงฐานจมูกกว้างผิวปลายจมูกหนาดังนั้นก็ควรจะต้องคำนึงถึงการแก้ไขปัญหาให้ตรงจุด และเหมาะกับพื้นฐานโครงสร้างของตัวเอง รวมถึงสามารถทำจมูกออกมาได้ใกล้เคียงตัวอย่างหรือแบบที่ต้องการให้มากที่สุด
เสริมจมูกแบบโอเพ่นคืออะไร ?
เสริมจมูกเทคนิคแบบ open ปรับโครงสร้าง Nose Reconstruction คือการผ่าตัดแบบเปิดแผลบริเวณฐานตรงปลายของรูจมูกทั้งสองข้าง สามารถแก้ไขโครงสร้างปรับฐานใหม่ทั้งหมดด้วยการผ่าตัดเปิดแผลบริเวณฐานตรงปลายของรูจมูกทั้งสองข้างเผยโครงสร้างภายในทุกส่วน ทำให้แพทย์สามารถวิเคราะห์ปัญหาได้อย่างตรงจุดและแก้ทรงจมูกได้หลากหลาย และยืดปลายจมูกให้โด่งพุ่งขึ้นได้อย่างปลอดภัยด้วยกระดูกอ่อน ปลายไร้ซิลิโคนหมดกังวลเรื่องการทะลุ ดีไซน์ทรงจมูกได้ตามแบบที่ต้องการ ด้วยความใส่ใจทุกรายละเอียด การเสริมจมูกโอเพ่นเป็นเทคนิคการเสริมจมูกที่ได้รับความนิยมอย่างมากในเกาหลีและเริ่มได้รับความนิยมมากขึ้นในไทยรวมไปถึงวงการศัลยกรรมความงามทั่วโลก เนื่องจากการผ่าตัดเสริมจมูกแบบเปิด (จมูกโอเพ่น) สามารถทำการผ่าตัดเสริมความสูงของสันจมูกไปพร้อมกับการตกแต่งโครงสร้างภายในจมูกให้ดีขึ้น อีกทั้งยังเป็นการปรับรูปทรงของปลายจมูกให้มีความพุ่ง เรียว สวยขึ้นตามความต้องการของคนไข้ให้มากที่สุด ซึ่งเป็นเทคนิคที่ตอบโจทย์ทั้งการเสริมจมูกผู้ชาย และเสริมจมูกผู้หญิง
เสริมจมูกโอเพ่นไม่มีซิลิโคนบริเวณปลาย ใช้วัสดุอะไรแทน ?
- เสริมจมูกด้วยซี่โครงตัวเอง
- เสริมจมูกด้วยกระดูกอ่อนหลังหู
- เสริมจมูกด้วย Septum
- ตกแต่งโครงสร้างจมูกเดิมให้รูปร่างสวยงามขึ้น
เสริมจมูกโอเพ่นเหมาะสำหรับใครบ้าง
- สำหรับคนที่มีปลายจมูกสั้นกลม
- สำหรับคนที่มีสันจมูกคด
- สำหรับคนที่มีสันจมูกเป็นฮัมพ์
- สำหรับคนที่มีปลายจมูกงุ้ม
- สำหรับคนที่มีจมูกใหญ่
- สำหรับคนที่มีปลายจมูกเชิด
- สำหรับคนที่ต้องการเสริมจมูกแบบฝรั่ง หรือที่เรียกกันว่า เสริมจมูกสายฝอ
- สำหรับคนที่ต้องการเสริมจมูกแบบเกาหลี
- สำหรับคนที่ต้องการเสริมจมูกตามเทรนด์ต่างประเทศ
เสริมจมูกแบบโอเพ่นที่ไหนดี ? คำถามยอดฮิตของผู้กำลังตัดสินใจ
การเสริมจมูกโอเพ่นของโรงพยาบาลมาสเตอร์พีชมีการคำนึงถึงความสมดุลโดยรวมของแต่ละบุคคล และวิเคราะห์ปัญหาของจมูกตรงจุดอย่างละเอียดเคสต่อเคส มีวิสัญญีแพทย์ดูแลตลอดการผ่าตัด มาตรฐานโรงพยาบาล ปลอดภัย ด้วยเทคนิคของแพทย์ผู้มีประสบการณ์ ที่เน้นการแก้ปัญหาตามความต้องการของคนไข้ให้เป็นไปได้ใกล้เคียงความต้องการมากที่สุด ให้สวยขึ้นที่สุดในแบบของคุณ
วิธีเลือกรูปทรงจมูกให้เข้ากับใบหน้า
เอาละครับสาว ๆ หากพูดถึงเรื่องการศัลยกรรมในปัจจุบัน สิ่งแรกที่สาว ๆ ทั้งหลาย ไม่ว่าจะสาวแท้ สาวเทียม หรือแม้กระทั่งหนุ่ม ๆ ที่คิดอยากจะทำคงหนีไม่พ้นการเสริมจมูก เพราะว่าจมูกเปรียบเหมือนจุดศูนย์กลางบนใบหน้า ช่วยทำให้ใบหน้าดูดีมีมิติครับ
ถึงอย่างไร การทำศัลยกรรมจมูกนั้นไม่ใช่ว่าใครจะทำแบบดาราคนไหน แล้วก็คิดว่าจะออกมาสวยเหมือนกันหมด เพราะของอย่างนี้มันก็ต้องขึ้นอยู่กับปัจจัยสำคัญอย่างรูปหน้า และเนื้อจมูกเดิมของเราด้วย ซึ่งหากใครที่เลือกทรงจมูกได้เหมาะสมเข้ากับใบหน้า ร้อยทั้งร้อยจมูกก็จะออกมาสวยแน่นอน
แต่สำหรับสาว ๆ คนไหนที่ยังไม่รู้ว่าจะเลือกทรงจมูกแบบไหนให้เข้ากับใบหน้าดี ผมมีวิธีในการเลือกเสริมจมูกให้เข้ากับใบหน้ามาฝากกันด้วย มาดูสิว่าจมูกแบบไหนถึงจะเจิดจรัส และเหมาะกับสาว ๆ ที่สุด
จมูกทรงหยดน้ำ
การเสริมจมูกทรงหยดน้ำ คือการเสริมปลายจมูกให้ยาวขึ้นคล้าย ๆ กับหยดน้ำ สำหรับทรงนี้เป็นทรงที่นิยมอย่างมากในกลุ่มสาว ๆ หรือดาราไทย และเกาหลี ซึ่งทรงนี้จะเหมาะกับคนที่มีรูปจมูกยาวพอเหมาะ และปลายจมูกมีเนื้ออยู่พอสมควร แต่ถ้าหากใครที่มีเนื้อปลายจมูกน้อยอย่าคิดฝืนทำเชียวนะครับ เพราะมีโอกาสเสี่ยงซิลิโคนทะลุเอาได้ง่ายมาก ๆ ครับ
จมูกปลายเชิด
การศัลยกรรมจมูกปลายเชิด เป็นการตกแต่งให้ปลายจมูกเชิดขึ้น ซึ่งจมูกทรงนี้จะตรงกันข้ามกับจมูกปลายหยดน้ำ สำหรับใครที่อยากสวยแบบโฉบเฉี่ยว ทรงนี้ดูแล้วจะเหมาะสุด ๆ แต่ทั้งนี้คนที่เหมาะกับการทำจมูกทรงนี้ ควรมีพื้นฐานเป็นคนจมูกงุ้ม หรือจมูกค่อนข้างบาน รับรองว่าทำแล้วแจ่มสุด ๆ ครับ
จมูกปลายพุ่ง
สำหรับจมูกปลายพุ่ง กำลังกลายเป็นเทรนด์ที่สาว ๆ ให้ความนิยมทำอย่างมาก รองลงมาจากจมูกทรงหยดน้ำเลยก็ว่าได้ ซึ่งทรงนี้จะคล้าย ๆ กับจมูกของฝรั่ง เหมาะกับคนที่มีปัญหาดั้งจมูกไม่โด่ง หรือไม่สมส่วน เมื่อทำแล้วจมูกจะดูสันเป็นคม ปลายจมูกจะยกสูงขึ้น ซึ่งจะทำให้ใบหน้าดูสมส่วนมากขึ้น ดูแล้วสายฝอสุด ๆ เลยแหละครับ
จมูกทรงบาร์บี้ไลน์
จมูกทรงบาร์บี้ไลน์ถือเป็นทรงจมูกที่ได้รับความนิยม ทั้งทางฝั่งเอเชีย และยุโรป เมื่อดูจากชื่อแล้วผมเชื่อว่าหลายคนคงจะนึกภาพออก โดยจมูกทรงบาร์บี้ไลน์จะมีลักษณะเด่น คือสันจมูกสูง ปลายเล็กคล้ายจมูกตุ๊กตาบาร์บี้ ทรงนี้เหมาะสำหรับสาว ๆ ที่มีจมูกค่อนข้างเล็ก ปีกจมูกแคบ แต่ยังพอมีเนื้อจมูก เพื่อเสริมให้สันดูสูงขึ้นได้ คอนเฟิร์มเลยว่าทำออกมาแล้วจะต้องน่ารักน่าชังเหมือนตุ๊กตาแน่นอนครับ
จมูกทรงเน้นสันปลายเชิดเล็กน้อย
จมูกทรงดังกล่าวจะเหมาะสำหรับสาว ๆ ที่ไม่ค่อยมีดั้ง เพราะเป็นทรงที่เน้นบริเวณสันให้สูง ปลายเชิดเล็กน้อย เพื่อเสริมความสมดุลให้กับใบหน้า และถึงแม้ว่าปลายจะไม่ได้พุ่งจนดูเว่อร์ แต่รับรองเลยว่าทำออกมาแล้วโครงหน้าเปลี่ยนสวยขึ้นจนคนรอบข้างต้องเอ่ยปากชมครับ
ตัดปีกจมูก
การศัลยกรรมตัดปีกจมูก จะเหมาะกับคนที่มีรูปทรงปีกจมูกกว้าง และใหญ่คล้าย ๆ กับลูกชมพู่ การทำศัลยกรรมด้วยการตัดปีกจมูกจะทำให้หน้าดูมีมิติมากขึ้น และปลายจมูกจะรับกับสันจมูก และดูสมส่วนมากขึ้น ทั้งนี้สำหรับการผ่าตัดศัลยกรรมผ่าตัดปีกจมูก ยังสามารถทำพร้อมกับศัลยกรรมเสริมจมูกไปพร้อม ๆ กันได้ ซึ่งวิธีนี้จะเหมาะมาก ๆ กับคนที่จมูกแบนกว้าง และไม่ค่อยมีสัน ถือว่าเจ็บตัวรอบเดียวแต่คุ้มแน่นอนครับ
ศัลยกรรมตกแต่งกระดูกสันจมูก
สำหรับหนุ่ม ๆ สาว ๆ ชาวเอเชียที่มีจมูกโด่งอยู่แล้ว แต่มีปัญหากระดูกสันจมูกคด โก่ง หรือจมูกหนาเกินไปอาจทำให้ดูไม่มีมิติ เหมาะที่จะทำศัลยกรรมตกแต่งกระดูกบริเวณสันจมูก เพื่อเหลาจมูกให้ดูแคบ และเรียวลง โดยวิธีนี้จะทำให้รูปจมูกแลดูมีสัดส่วนมากยิ่งขึ้น คราวนี้แหละนอกจากจะสวยสะดุดตาแล้ว ยังรู้สึกเหมือนได้เกิดใหม่อีกครั้งเลยครับ
และทั้งหมดนี่ก็คือ การศัลยกรรมจมูกสุดฮิตที่สาว ๆ ส่วนใหญ่นิยมทำกันครับ งั้นเอาเป็นว่าสำหรับใครที่คิดอยากจะลองทำศัลยกรรมจมูกก็ลองศึกษาข้อมูล เลือกรูปทรง และวิธีแก้ไขปัญหาจมูกให้เหมาะสมกับตัวเองกันดูนะครับ รับรองทำออกมาแล้วจะปังสุด ๆ แน่นอน คอนเฟิร์มครับ
แก้จมูกแบบโอเพ่น คือ ?
เป็นทรงเสริมจมูกที่ใช้สำหรับการปรับโครงสร้างของจมูกใหม่ ที่โรงพยาบาลมาสเตอร์พีซขอแนะนำ ซึ่งเป็นการแก้จมูกแบบโอเพ่น เทคนิค Nose Reconstruction ที่สามารถทำให้ทรงจมูกที่คุณต้องการเป็นจริงได้ ไม่ว่าจะเป็นทรง อั้ม พัชราภา ใหม่ ดาวิกา (ที่ทรงออกไปทางสายฝรั่ง) เก้า สุภัสสรา , ออม สุชา หรือ วิว วรรณรท หรือ ทรงดารา ไอดอลจากฝั่งเกาหลี(ที่ยังเป็นที่นิยมอยู่ตลอด) ซึ่งจะมีทรงจมูกที่ดูสันจมูกสโลป ปลายพุ่ง สไตล์เกาหลี
แก้จมูกเทคนิคปรับโครงสร้าง Nose Reconstruction คืออะไร ?
เทคนิค Nose Reconstruction คือ การแก้จมูกแบบปรับโครงสร้างจมูกใหม่ ซึ่งเป็นการเสริมจมูกไม่ใช้ซิลิโคน ซึ่งสามารถปรับโครงสร้างจมูกทุกรูปแบบให้เป็นไปในแบบที่ต้องการได้ และเป็นเทคนิคที่นิยมมากที่สุดในประเทศเกาหลี เพราะจมูกจะดูสวยได้รูปอย่างเป็นธรรมชาติ โดยเทคนิคนี้จะใช้วิธีผ่าตัดเปิดแผลบริเวณฐานจมูก (Open Rhinoplasty) สามารถตกแต่งกระดูกฐานจมูกให้มีขนาดเล็กลง ผ่าตัดปรับรูปร่างปีกจมูกให้สวยงามและเข้ารูปขึ้น ปรับแต่งปลายจมูกให้ดูเรียวเล็ก เหมาะกับทรงจมูกที่เป็นที่นิยมในปัจจุบัน
Nose Reconstruction หรือ การแก้จมูกแบบไม่ใช้ซิลิโคน คือ การยืดปลายจมูกให้โด่งและพุ่งขึ้น ด้วย กระดูกอ่อนกลางจมูก (Septal cartilage) ซึ่งเป็นกระดูกตำแหน่งเดียวในร่างกายที่มีลักษณะแบน ตรง เรียบ และแข็งแรง โดยแพทย์จะผ่าตัดเอา กระดูกอ่อนกลางจมูก ออกมาเพียง 2 ใน 3 เพื่อใช้ในการเสริมบริเวณปลายจมูก (โดยไม่มีผลกระทบใด ๆ ต่อร่างกายในภายหลัง) การใช้กระดูกอ่อนกลางจมูกจะช่วยยืดปลายจมูกให้เรียวยาว สร้างจมูกปลายหยดน้ำ-ปลายจมูกพุ่งสวยที่แท้จริง ซึ่งช่วยปรับโครงสร้างจมูกได้จริงและดีที่สุดในขณะนี้
ส่วนบริเวณสันจมูกในบางเคสอาจไม่ต้องเสริมด้วยวัสดุสังเคราะห์ใดๆ เรียกว่าไม่ใช้ซิลิโคนเลยทีเดียว ซึ่งคนไข้สามารถใช้วัสดุธรรมชาติจากตัวคนไข้เองได้ เช่น เยื่อหุ้มกล้ามเนื้อ เนื้อเยื่อไขมัน และกระดูกอ่อนซี่โครง ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมจากการประเมินของแพทย์ แต่หากความสูงของสันจมูกไม่เพียงพอ แพทย์จะเลือกใช้วัสดุเหล่านี้มาเสริมเฉพาะบริเวณสันจมูก ได้แก่ Gore-Tex ซึ่งเป็นวัสดุสังเคราะห์ที่ทั่วโลกให้การยอมรับว่าดีที่สุดสำหรับการเพิ่มความโด่งของสันจมูก เนื่องจากร่างกายจะไม่สร้างพังผืดหุ้ม ไม่มีหินปูนเกาะ และไม่กดกระดูกให้เป็นร่องบุ๋มเหมือนวัสดุสังเคราะห์ชนิดอื่นๆ ทั้งยังสามารถอยู่ได้ตลอดชีวิต โดยไม่ยุบหรือเสื่อมสภาพ (การจะเลือกวัสดุใดมาเสริมบริเวณสันจมูกเพื่อเพิ่มความโด่งนั้น แพทย์จะเป็นผู้ประเมินความเหมาะสม ขึ้นอยู่กับปัญหาของแต่ละคน)
วิธีนี้แก้ปัญหาตรงไหนบ้าง ?
แก้จมูกแบบโอเพ่น ปรับโครงสร้าง NOSE RECONSTRUCTION หรือ การเสริมจมูกแบบไม่ใช้ซิลิโคน นั้น สามารถแก้ปัญหาจมูกในรูปแบบต่าง ๆ เช่น จมูกสั้นเชิด ปลายจมูกบาง ปลายจมูกหนาใหญ่ ฐานกระดูกจมูกกว้าง จมูกผิดรูปคดเอียง หรือปัญหาการเกิดผังพืดหดรัด ซึ่งปัญหาเหล่านี้ไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยการเสริมซิลิโคนทั่วไป
แก้จมูกแบบโอเพ่นเจ็บไหมปลายจมูกไม่ทะลุตลอดชีวิตจริงรึไม่
สำหรับคนไข้ที่มีเนื้อจมูกเนื้อหรือเคยเสริมซิลิโคนแล้วปลายจมูกเริ่มบางจะทะลุนั้น หากแก้จมูก ด้วยการเสริมซิลิโคนซ้ำอีก ปลายจมูกก็จะมีปัญหาหนักขึ้นเรื่อย ๆ โดยการแก้ไขเรื่องปลายจมูกนั้น ใช้เทคนิคแก้จมูกโอเพ่นแบบ Nose Reconstruction นั้นสามารถแก้ไขเรื่องนี้ได้อย่างถาวร
แก้จมูกแบบโอเพ่นโดยรวมทั้งหมดไม่เฉพาะแค่ความโด่ง !
การทำจมูก หรือ แก้จมูกเทคนิคปรับโครงสร้าง Nose Reconstruction หรือการเสริมจมูกแบบไม่ใช้ซิลิโคนนั้น นั้นสามารถปรับรูปทรงของจมูกโดยรวมให้ดูสวยขึ้นทั้งหมดอย่างที่การเสริมซิลิโคนทั่วไปทำไม่ได้ แม้กระทั่งความเข้าใจผิดที่ว่าการตัดปีกจมูกจะทำให้จมูกดูเรียวขึ้นซึ่งความจริงนั้นเพียงทำให้ขนาดของปีกจมูกเล็กลงแต่ไม่ได้ช่วยให้จมูกดูเรียว ส่วนการทำแก้จมูกแบบ Nose Reconstruction แพทย์จะสามารถปรับโครงสร้างของจมูกทั้งหมด รูปทรงปีกจมูกจะดูเรียวขึ้นได้จากการแก้ไขโครงสร้างภายใน โดยส่วนมากแทบไม่ต้องตัดปีกร่วมกันกับการแก้จมูกเลยเนื่องจากรูจมูกและปีกจมูกจะเรียวขึ้นประมาณหนึ่งอยู่แล้ว แต่ทั้งนี้กรณีที่แพทย์ต้องตัดปีกจมูกร่วมด้วยก็มีเช่นกัน ขึ้นอยู่กับปัญหาของคนไข้เป็นสำคัญ แพทย์จะประเมินและวิเคราะห์แก้ไขตามปัญหาและความเหมาะสมของแต่ละคน ดูเรียว ส่วนการแก้จมูกแบบโอเพ่นโดยรวมการตัดปีกจมูกจะทำให้จมูกดูเรียวขึ้นซึ่งความจริงนั้นเพียงทำให้ขนาดของปีกจมูกเล็กลงแต่ไม่ได้ช่วยให้จม
รูปทรงใบหน้าของสาวไทยเหมาะกับจมูกแบบไหนบ้าง
โครงหน้าของหนุ่ม ๆ สาว ๆ แต่ละคนนั้นมีความแตกต่างกัน และแน่นอนว่าในแต่ละรูปทรงใบหน้า ก็จะมีทรงจมูกที่เหมาะสมอยู่เหมือนกันกันไป วันนี้ผมจะขอมาแนะนำเกี่ยวกับรูปทรงใบหน้าของสาว ๆ ชาวไทยแบบใด เหมาะกับจมูกทรงไหนกันแน่ครับ
- ใบหน้าเรียวยาว
หนุ่ม ๆ หรือสาว ๆ ที่มีใบหน้าเรียวยาว ส่วนมากจะเหมาะกับจมูกทรงสโลปปลายพุ่ง หรือเรียกสั้น ๆ ว่าจมูกทรงเกาหลี สำหรับคนที่มีใบหน้าเรียวยาว การมีจมูกทรงสโลปปลายพุ่งนั้น จะช่วยให้ใบหน้ามีมิติมากขึ้น และดูมีจุดเด่นมากขึ้นครับ
- ใบหน้ากลม
หนุ่ม ๆ หรือสาว ๆ ที่มีใบหน้ากลม ส่วนมากจะเหมาะกับจมูกทรงหยดน้ำ เพราะสันจมูกที่ยื่นเป็นรูปหยดน้ำลงมานั้น จะทำให้ใบหน้าที่กลมนั้นดูเรียวขึ้น ช่วยทำให้ใบหน้าได้สัดส่วนดูกระชับได้ครับ
- ใบหน้ามีเหลี่ยม
หนุ่ม ๆ หรือสาว ๆ ที่มีใบหน้าเหลี่ยม ส่วนมากจะเหมาะกับจมูกทรงสโลปปลายเชิด สำหรับคนที่มีโครงสร้างเหลี่ยมบนใบหน้า ควรมีทรงจมูกที่ปลายเชิดขึ้น จะทำให้ใบหน้าดูคม เพราะรับกับใบหน้าที่มีมุมเหลี่ยม ดูเชิด ดูเเพงนั่นเอง แบบนางแบบฝรั่งครับ
- ใบหน้ารูปไข่
หนุ่ม ๆ หรือสาว ๆ ที่มีใบหน้ารูปไข่ ส่วนมากจะเหมาะกับจมูกทุกทรง เพราะมีรูปทรงใบหน้าที่ได้เปรียบกว่ารูปหน้าแบบอื่น ๆ ไม่ว่าคุณจะมีทรงจมูกสวยแบบไหนก็ตาม ทรงจมูกเหล่านั้นก็จะดูเข้ากันกับใบหน้ารูปไข่เสมอครับ ไม่ว่าจะเป็น จมูกทรงหยดน้ำ จมูกสโลปปลายพุ่ง และจมูกสโลปปลายเชิด เป็นต้น ถือว่าเป็นรูปทรงหน้าที่เข้ากับจมูกทุกรูปทรงจริง ๆ เลยครับ
องศาสำหรับการวัดรูปทรงจมูก
รูปทรงจมูกเวลาหันข้างนั้นถือว่าเป็นองศาที่เหมาะสม เพราะเป็นรูปทรงที่ทุกคนต่างสนใจกันมากที่สุด ไม่ว่าหนุ่ม ๆ หรือสาว ๆ ก็มักจะพูดถึงทรงจมูกเวลาหันข้างกันตลอด แต่ผมจะลองแสดงให้เห็นอีกมุม เกี่ยวกับทรงจมูกที่เหมาะสมควรเป็นแบบไหนตามทฤษฎีกันดังนี้
องศาทั้ง 4 องศานี้เป็นตัวกำหนดรูปทรงจมูกด้านข้างของเราเอาไว้ทั้งหมด
- องศาแรก (nasofrontal angle)
จมูกของหนุ่ม ๆ หรือสาว ๆ เวลาหันด้านข้างก็มีแค่องค์ประกอบเหล่านี้ คือความสูงของจมูกบริเวณหัวตาเมื่อเทียบกับหน้าผาก และสันจมูก พูดสั้น ๆ ง่าย ๆ คือ ควรจะเป็นมุมป้านสักนิด ง่ายกว่านั้นอีกก็ คือควรจะต่ำกว่าหน้าผากเล็กน้อยนั้นก็คือ “ความลาดชัน” ที่ใครต่อใครพูดถึงกัน แต่ถ้าเป็นมุมฉาก ก็หมายความว่าดั้งอาจดูหักเกินไป ส่วนถ้าเป็นเส้นตรงก็แปลว่าดั้งโด่ง ดูทรงแข็งเกินไป นั่นแปลว่าหน้าผากเราไม่ได้โหนกนูน หรือหน้าผากดูแบน ๆ ซึ่งการทำจมูกบริเวณนี้ไม่ควรจะสูงเกินไป เพราะจะทำให้ดูจมูกแข็งเกินไป องศาในบริเวณนี้สำหรับหนุ่ม ๆ อาจจะกว้างหน่อย คือดั้งก็จะดูโด่ง สันจมูกชัดหน่อย ถ้าในสาว ๆ ก็จะเน้นความสโลป คือความสูงจมูกบริเวณหัวตาต่ำหน่อย ซึ่งจะทำให้ดูหวานขึ้นนั่นเองครับ
- องศาที่สอง (nasolabial angle)
องศาที่สอง คือ องศาบริเวณปลายจมูกเมื่อเทียบกับปาก ถ้ามีในสาว ๆ ก็อาจจะเป็นประมาณ 100 – 110 องศา หรือก็คือให้มุมกว้างกว่ามุมฉากหน่อย จะให้ความรู้สึกว่าปลายดูพุ่ง เชิ่ด แต่ถ้าในหนุ่ม ๆ ก็อาจจะต้องให้องศาประมาณมุมฉาก และถ้าเปรียบเทียบระหว่างสาว ๆ ชาวไทยคนกับสาว ๆ เกาหลี องศาตรงนี้ของคนเกาหลีจะกว้างกว่าเราเล็กน้อย แต่ปกติแล้วสาว ๆ เกาหลีจะมีค่าเฉลี่ยความยาวจมูกที่ยาวกว่าสาว ๆ ไทยค่อนข้างมาก
การที่องศาสาว ๆ เกาหลีดูกว้าง หรือเหินจึงไม่ทำให้จมูกดูสั้น ซึ่งถ้าสังเกตุดี ๆ จะเห็นว่าองศาที่ปลายจมูกเป็นตัวกำหนดความยาวของจมูกได้เช่นกัน ถ้าองศาแคบลง จมูกจะดูยาวขึ้น หรืออาจจะดูเป็นหยดน้ำ แต่ก็อาจจะดูพุ่งน้อยลง หรือถ้าองศากว้างขึ้น จมูกจะดูสั้นลงเล็กน้อย แต่ก็จะดูพุ่งไปข้างหน้ามากขึ้น ทีนี้ผมอยากจะขยายความอีกเล็กน้อยแบบนี้ครับ
สำหรับตัวผม คำว่าพุ่งในความหมายผมคือ องศาที่ 2 หรือ nasolabial angle กว้างกว่า 90 องศา ส่วนจมูกทรงหยดน้ำแปลว่า องศาส่วนนี้ น้อยกว่า 90 องศา ซึ่งแปลว่า 2 สิ่งนี้มันคนละทางกันเลยครับ เหมือนทางคู่ขนาน ไม่มีมีทางบรรจบกัน จะมาอยู่ในคน ๆ เดียวกันไม่ได้ครับ
- องศาที่สาม/สี่ หรือสององศาสุดท้าย (facial convexity and total facial convexity)
หนุ่ม ๆ และสาว ๆ ชาวไทย ส่วนมากมักจะอยากได้ทรงจมูกแบบคนเกาหลี ดังนั้นผมจะลองเทียบกับจมูกคนเกาหลีแล้วกันนะครับ สององศาสุดท้ายนี้คนเกาหลีจะมีองศาที่แคบกว่าของคนไทย แคบกว่าแปลว่า มีส่วนกลางของใบหน้าที่เด่นกว่า หรือพุ่งกว่าด้านหน้า มากกว่าบริเวณคาง ส่วนปลายจมูกที่พุ่งเด่นกว่า คือใบหน้าคนเกาหลีจะมีส่วนกลางของใบหน้า และปลายจมูกที่เด่น ดังนั้นถ้าหากต้องการจมูกทรงสโลปปลายพุ่งแบบเกาหลี ก็คือ องศาแรก เป็นมุมป้านที่แคบ ๆ หน่อย องศาที่สองที่กว้างเกิน 90 องศาหน่อย แล้วก็องศาสุดท้าย ให้ดูแคบหน่อย เพื่อให้ปลายจมูกเด่นขึ้นนั่นเองครับ
อย่างไรก็ตาม การจะเสริมจมูกทรงตามที่เลือกได้หรือไม่นั้น ก็ขึ้นอยู่กับสภาพของเนื้อเยื่อ และโครงสร้างทางกายภาพเดิมของแต่ละบุคคล ตามที่ผมได้กล่าวไว้ข้างต้นด้วยครับ สำหรับคนไข้ที่ไม่รู้จะเลือกแบบไหนจริง ๆ ก็สามารถเข้ามาปรึกษากับแพทย์ของโรงพยาบาลมาสเตอร์พีชได้เลยครับ เพื่อความสวย และความปลอดภัยของทุกท่านนะครับ
วิธีดูแลหลังผ่าตัด
- ประคบผ้าเย็นหรือถุงน้ำแข็งประมาณ 1-3 วัน รอบจมูก เช่น แก้มทั้งสองข้าง หน้าผาก (ไม่ให้ประคบที่จมูกโดยตรง) หลังจากนั้นถ้ามีรอยฟกช้ำให้ใช้น้ำอุ่นชุบผ้าขนหนู หรือถุงน้ำร้อนประคบ
- หลังผ่าตัด 24 – 48 ชั่วโมง อาจจะรู้สึกปวดศีรษะ ปวดหรือคัดบริเวณจมูกและใบหู และบวมบริเวณใบหน้าบ้าง ให้รับประทานยาแก้ปวด และต้องรับประทานยาแก้อักเสบตามที่แพทย์สั่งให้หมด
- หลังจากผ่าตัดแพทย์จะใส่ Nasal packing ในรูจมูกทั้งสองข้างเพื่อดามจมูกไว้ อาจทำให้หายใจไม่สะดวก ทั้งนี้ให้ใช้วิธีให้หายใจทางปากแทน
- คนไข้ต้องเข้ามาฉีดยาฆ่าเชื้อและนำ Nasal packing ออกจากรูจมูกในวันถัดมาหลังจากผ่าตัดที่รพ.กับพยาบาลผู้มีประสบการณ์
(ห้ามถอดด้วยตัวเอง) - จมูกอาจจะบวมมากที่สุดประมาณ 2 – 3 วัน เฝือกจะช่วยลดอาการบวมและช่วยให้จมูกตรง ซึ่งจะถอดออก วันที่ 7 พร้อมตัดไหม
(ห้ามถอดด้วยตัวเอง)
หลังเสริมจมูกควรปฏิบัติตัวอย่างไร
การผ่าตัดเสริมจมูก ถือเป็นการศัลยกรรมที่ติดอันดับ 1 ใน 5 ที่หนุ่ม ๆ หรือสาว ๆ ให้ความสนใจ ซึ่งจุดที่ได้รับความนิยมสูงที่สุด ก็คงหนีไม่พ้นการเสริมจมูกเนื่องจาก แผลเล็ก เจ็บน้อย รูปทรงที่ทำออกมาก็ดูเป็นธรรมชาติกว่าแต่ก่อนมาก อีกทั้งแพทย์ยังมีการนำเทคนิคใหม่ ๆ เข้ามาช่วย และวัสดุอุปกรณ์ที่นำมาใช้ก็ถูกพัฒนาให้ก้าวล้ำมากยิ่งขึ้นครับ
ก่อนที่หนุ่ม ๆ หรือสาว ๆ จะตัดสินใจเลือกสถานพยาบาลเสริมความงาม ควรพิจารณาให้ดี และควรเข้าไปปรึกษากับศัลยแพทย์โดยตรงก่อน แล้วค่อยตัดสินใจ ซึ่งแพทย์ก็จะเป็นผู้แนะนำวิธีการปฏิบัติตัวทั้งในช่วงก่อน และหลังผ่าตัด เพื่อให้ร่างกายฟื้นตัวเข้าสู่ภาวะปกติได้เร็วขึ้นครับ
การดูแลตัวเองหลังเสริมจมูก จึงเป็นสิ่งสำคัญอีกประการหนึ่งที่ไม่ควรจะละเลย เนื่องจากถ้ามีการดูแลจมูกเสริมใหม่เป็นอย่างดี จะทำให้ได้จมูกที่สวยเข้ารูปตามแบบฉบับที่หนุ่ม ๆ หรือสาว ๆ ต้องการนั่นเองครับ โดยมีวิธีปฏิบัติที่แพทย์ให้คำแนะนำมา ดังนี้
- หลังการผ่าตัดเสริมจมูก ห้ามแผลโดนน้ำประมาณ 1 สัปดาห์ เนื่องจากหากแผลเปียกชื้น จะทำให้เกิดการอักเสบ และติดเชื้อได้ง่ายครับ
- ห้ามนอนตะแคง หรือนอนราบประมาณ 1 เดือน เพื่อไม่ให้วัสดุ หรือซิลิโคนที่ใช้เสริมจมูกเกิดการเคลื่อนที่ และเอียงได้ง่ายนั่นเองครับ
- แนะนำให้นอนยกศีรษะให้สูงกว่าปกติในช่วงแรก ๆ หรืออาจเป็นการนั่งหลับในระยะ 3 วันแรก เพื่อลดอาการบวม และช่วยให้ซิลิโคนรัดแกนจมูกเร็วขึ้นครับ
- หากมีอาการบวมช้ำ สามารถใช้การประคบเย็น เช่นการใช้ผ้าเย็น หรือผ้าสะอาดห่อน้ำแข็งช่วง 3 วันแรก และหลังจากนั้นให้เปลี่ยนมาเป็นประคบอุ่นแทน หากอาการบวมเริ่มดีขึ้นครับ
- หลีกเลี่ยงแคะ แกะ เกาบริเวณที่เสริมจมูกมาโดยเด็ดขาด เพราะอาจส่งผลทำให้จมูกเอียง และเสียรูปทรงได้ครับ
- หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่อาจก่อให้เกิดการกระแทก เช่น การเล่นกีฬา การออกกำลังกาย การนั่งรถที่สะเทือน และการมีเพศสัมพันธ์
- งดการแต่งหน้า 1 เดือน เพราะสารในเครื่องสำอางบางชนิด อาจส่งผลกระทบจมูกที่ทำศัลยกรรมมา
- หลีกเลี่ยงสภาพอากาศ หรือสิ่งแวดล้อมที่ก่อให้เกิดอาการไอ จาม หรือสั่งน้ำมูก เพราะอาจไปกระทบกับบริเวณแผลผ่าตัดได้
- สามารถใช้สำลีหรือผ้านุ่ม ๆ ชุบน้ำเช็ดหน้าแทนการล้างหน้าปกติได้ เพื่อป้องกันการกระทบ และกระแทกบริเวณจมูก
- ควรทำแผลวันละ 2 ครั้ง เช้า – เย็น ทุกวันอย่างต่อเนื่อง ด้วยการใช้ไม้พันสำลีชุบน้ำเกลือล้างแผลเช็ดคราบเลือดในบริเวณรูจมูก และทาเบตาดีน
- งดการเสริมความงามอื่น ๆ เช่น การเลเซอร์ การฉีดฟิลเลอร์บนใบหน้าในช่วง 1 เดือนแรก เพื่อหลีกเลี่ยงการอักเสบ และผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นครับ
- งดสูบบุหรี่ประมาณ 2 – 4 สัปดาห์ เพราะจะส่งผลต่อการสมานของแผล หรือทำให้แผลหายช้าลงครับ
- ทำใจให้สบาย ไม่ควรวิตกกังวลมากเกินไปกับรูปทรงจมูก เพราะในระยะแรกหลังเสริมจมูก อาจมีอาการบวมอยู่ ต้องรอสักพักจนกว่าจมูกจะเข้าที่
- ควรรับประทานยาตามที่แพทย์สั่ง และไปพบแพทย์ทุกครั้งตามนัด เพื่อการติดตามผลที่ดี
ส่วนการดูแลตัวเองตามวันเวลาก็เป็นอีกปัยจัยที่หนุ่ม ๆ หรือสาว ๆ วิตกกังวลกันค่อนข้างมาก ผมจึงจะขอแนะนำเพิ่มเติมเกี่ยวกับช่วงวันเวลาที่น่าสนใจตั้งแต่ 24 ชม. 7 วัน 2 สัปดาห์ และ 1 เดือนได้ตามนี้
1.หลังเสริมจมูกได้ 24 ชั่วโมง
หลังเสริมจมูก 24 ชั่วโมงในบางคนอาจมีอาการเจ็บตึง หรือมีอาการช้ำบวมบริเวณรอบ ๆ จมูก และใบหน้า โดยจะบวมมากที่สุดในช่วง 2 – 3 วันแรก และมีอาการปวดศีรษะร่วมด้วย แนะนำให้รับประทานยาแก้ปวดและยาแก้อักเสบที่แพทย์จัดให้ เพื่อบรรเทาอาการดังกล่าว
ส่วนในการดูแลแผลอย่าลืมทำความสะอาดแผลด้วยน้ำเกลือ และสำลีพันก้านที่ผ่านการฆ่าเชื้อมาแล้วให้สะอาด พยายามให้มีเลือดเกาะติดไหมให้น้อยที่สุด และทำความสะอาดผิวหน้าด้วยสำลีแบบแผ่นชุบน้ำเปล่า น้ำเกลือ หรือใช้คลีนซิ่งเช็ดทำความสะอาดไปก่อน เพื่อป้องกันแผลโดนน้ำ เพราะถ้าแผลโดนน้ำจะทำให้แผลหายช้า และติดเชื้อได้ง่ายครับ
2. หลังเสริมจมูกได้ 7 วัน
หลังเสริมจมูกได้ 7 วัน จะเป็นช่วงที่สามารถแกะเทปที่ดามเอาไว้เป็นเฝือกอ่อน ๆ ที่จมูกออกได้ โดยให้ใช้น้ำอุ่นค่อย ๆ เช็ด และลอกเทปออกอย่างเบามือ แต่ก็ควรระมัดระวังเรื่องการกระแทกต่าง ๆ อยู่ เช่น ห้ามบีบนวดในระยะ 1 สัปดาห์แรกหลังการผ่าตัด เพราะจะทำให้มีอาการอักเสบได้ งดจับต้องบริเวณที่ทำการเสริมจมูกมาในช่วง 1 – 3 เดือน ซึ่งยังต้องระวังเรื่องการนอน และการกินอยู่เหมือนเดิมครับ
รวมถึงยังต้องงดการทำกิจกรรมที่อาจทำให้เกิดการกระทบกระเทือนได้ เช่น การออกกำลังกายหนัก ชกมวย วิ่ง ว่ายน้ำ การมีเพศสัมพันธ์ เพราะเสี่ยงทำให้จมูกเกิดปัญหาตามมาได้ และถ้าหากยังมีอาการบวมอยู่ แนะนำให้ทำการประคบเย็น ด้วยผ้าเย็น เจลเย็น หรือถุงน้ำแข็งอย่างเบามือ บริเวณข้างแก้ม และหน้าผากแทนการประคบร้อนในช่วงอาทิตย์แรก และต้องทำอย่างสม่ำเสมอ
3.หลังเสริมจมูกได้ 2 สัปดาห์
หลังเสริมจมูก 2 สัปดาห์ จะเป็นช่วงที่ตัดไหมได้แล้ว แต่ก็ยังต้องดูแลทำความสะอาดบริเวณแผลเย็บหลังจากการตัดไหมอย่างสม่ำเสมอ และหลีกเลี่ยงการทำให้เกิดน้ำมูกไหล หรือหากเป็นหวัด ต้องรับประทานยาแก้แพ้ หรือยาลดน้ำมูกทันที เพื่อป้องกันน้ำมูกไหลมาโดนแผล เพราะอาจส่งผลทำให้เกิดการติดเชื้อได้
ส่วนการรับประทานอาหาร สามารถรับประทานได้เกือบทุกอย่าง ยกเว้น อาหารแสลง ของหมัก ของดอง อาหารที่ปรุงไม่สุก ให้อดใจเอาไว้ก่อนนะครับ
4.หลังเสริมจมูกได้ 1 เดือน
หลังเสริมจมูกได้ 1 เดือน สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติเกือบ 100% แล้ว สามารถรับประทานวิตามิน หรืออาหารเสริมได้ ส่วนอาหารหมักดอง และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อาจจะรอจนกว่า 45 วันขึ้นไปแล้ว ส่วนใครที่อยากไปทำกิจกรรมดำน้ำในระยะ 3 เดือนแรกอาจจะต้องงดเอาไว้ก่อน
ส่วนอาการช้ำจะขึ้นอยู่กับบุคคล บางคนแทบไม่มีรอยช้ำให้เห็น แต่ก็ยังต้องดูแลตัวเองตามคำแนะนำแพทย์อยู่ ส่วน 2 สัปดาห์ รอยฟกช้ำต่าง ๆ จะเริ่มจางหายไป อาการหลังเสริมจมูก 1 เดือน จมูกจะยุบลงประมาณ 80 % แต่ยังมีอาการบวมหลงเหลืออยู่บ้าง หากจะให้เข้าที่จะต้องรออย่างน้อย 3 เดือนขึ้นไปจะเริ่มเห็นทรงจมูกที่ชัดเจนมากขึ้น งดสวมแว่นตาเป็นเวลา 3 – 6 เดือนหลังทำการผ่าตัดศัลยกรรมเสริมจมูก และต้องงดออกกำลังกายอย่างน้อย 1 เดือน เพราะอาจทำให้เกิดอาการบวมมากขึ้น และเลือดจะหยุดไหลช้าลงครับ
การดูแลตัวเองหลังการเสริมจมูก ถือเป็นเรื่องสำคัญไม่น้อยไปกว่าการเลือกศัลยแพทย์ หรือการเลือกสถานพยาบาลเสริมความงามที่ได้มาตรฐาน เพื่อให้การฟื้นตัวหลังผ่าตัดเป็นไปอย่างราบรื่น และเพื่อให้แผลหายเร็ว ลดการอักเสบ ลดการเกิดผลข้างเคียง หนุ่ม ๆ สาว ๆ จึงควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด และสม่ำเสมอนะครับ
คำถามที่พบได้บ่อยหลังเสริมจมูกโอเพ่น
- หลังเสริมจมูกเลือดออกเยอะมากทำยังไงดี
ช่วงระยะเวลา 1 – 2 วันแรก จะมีเลือดไหลซึมอยู่บ้าง เป็นอาการปกติ ให้ประคบเย็นบ่อย ๆ จะช่วยให้เลือดหยุดไหลไวขึ้น โดยให้เริ่มประคบเย็นทันทีหลังการผ่าตัด จนถึงช่วงวันที่ 3 และวันที่ 4 ให้เริ่มประคบอุ่นจนกว่าจะตัดไหม วิธีประคบ ให้ประคบบริเวณ 2 เบ้าตาซ้ายขวา หน้าผาก และหัวคิ้ว โดยพยายามหลีกเลี่ยงบริเวณแผลผ่าตัด
- หลังเสริมจมูกต้องนอนแบบไหน
หลังทำจมูกนอนแบบไหนดี เป็นคำถามสุดฮิต ที่หนุ่มสาวหลายคนสงสัย การนอน คนไข้จะต้องนอนหมอนสูงเป็นเวลา 2 สัปดาห์ ใช้การนั่งหลับ หรือใช้หมอนรองคอประคองไว้ ห้ามนอนหมอนราบ และห้ามนอนตะแคงโดยเด็ดขาด
- หลังทำจมูกถ้ารู้สึกหายใจไม่ออกควรทำอย่างไร
ช่วงแรก ๆ อาจจะรู้สึกหายใจไม่สะดวกเนื่องจากเยื่อด้านในจมูกจะมีอาการบวม แต่ไม่ต้องกังวล เพราะเป็นอาการปกติ หากรู้สึกมีน้ำมูก สามารถรับประทานยาลดน้ำมูกควบคู่ได้
- หลังเสริมจมูกห้ามกินอะไรบ้าง
ในช่วง 1 เดือนแรกหลังการผ่าตัดศัลยกรรมเสริมจมูก หนุ่มสาวควรงดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ของหมักดอง อาหารรสจัด อาหารสุก ๆ ดิบ ๆ หมูกะทะ อาหารทะเล อาหารกระป๋อง วิตามินอาหารเสริม คอลลาเจน งดบุหรี่ และสารเสพติดทุกชนิด
ปัญหาพบบ่อย ที่คนต้องมาแก้จมูกซ้ำๆ
สาเหตุของการมาแก้จมูกอาจเกิดได้จากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นการทำมาแล้วไม่ถูกใจ หรือเคยได้รับการศัลยกรรมในสถานพยาบาลที่ไม่ได้มาตรฐาน เนื่องจากแพทย์ไม่มีประสบการณ์ หรือความเชี่ยวชาญมากพอ รวมไปถึงการทำจมูกโดยไม่คำนึงถึงเนื้อจมูกของคนไข้ อาจส่งผลให้เกิดการทะลุ และยังมีอาการ
เสี่ยงอื่น ๆ ที่หากพบ ควรรีบเข้ามาปรึกษาแพทย์ ดังนี้
1.ปลายจมูกบางใส ปลายจมูกแดงตึง ปลายจมูกเสี่ยงทะลุ
ปัญหานี้ส่วนใหญ่มักเกิดจากการทำจมูกโดยใช้ซิลิโคนสำเร็จรูป ซิลิโคนมีขนาดยาว หรือเสริมโด่งจนเกินไป มักเกิดกับผู้ที่มีเนื้อจมูกน้อย โดยจะทำให้เนื้อตรงปลายจมูกค่อย ๆ บางลงเรื่อย ๆ ปลายจมูกบางใส และมีอาการแดง ซึ่งหากปล่อยไว้นานอาจมีอาการอักเสบ และจมูกทะลุตามมาในภายหลัง
2. ซิลิโคนลอย
เป็นอาการที่ซิลิโคนไม่แนบติดกับเนื้อจมูก สามารถใช้นิ้วแตะที่ปลายจมูก ขยับไปมาเล็กน้อย หากซิลิโคนลอยจะสามารถโยกไปมาได้ และเห็นขอบซิลิโคน โดยสาเหตุเกิดได้ 2 ลักษณะ คือ
- จากการผ่าตัดของแพทย์
- แพทย์เหลาซิลิโคนไม่พอดีกับคนไข้
- แพทยย์วางซิลิโคนในตำแหน่งผิวหนังชั้นตื้น ไม่ได้วางลงใต้เยื้อหุ้มกระดูก อาจทำให้ซิลิโคนขยับได้
- แพทย์ทำการผ่าตัดทำช่องใส่ซิลิโคนกว้าง หรือแคบจนเกินไป ทำให้ซิลิโคนหลุดลอยออกมา
- จากตัวคนไข้เอง
- คนไข้เคยประสบอุบัติเหตุรุนแรง ทำให้ซิลิโคนเคลื่อน หรือลอยได้
- บิดจมูกบ่อย ๆ เป็นประจำอาจทำให้ซิลิโคนลอยได้ค่ะ
3. จมูกเบี้ยว จมูกเอียง
คือแท่งซิลิโคนจมูกจะเบี้ยวเอียงไปทางข้างใดข้างหนึ่ง หรือซิลิโคนตรงแต่จมูกยังดูเบี้ยวเอียง เป็นอาการที่พบได้บ่อยที่สุด โดยสาเหตุเกิดได้หลายกรณีดังนี้ ลักษณะ คือ
- ผู้ที่เสริมจมูกมีฐานจมูก คด นูน เบี้ยวเอียงตั้งแต่เดิม ไม่ได้ทำการแก้ไขด้วยการตะไบฮัมพ์ หรือตอกฐานจมูก จึงทำให้เมื่อวางซิลิโคนลงไปจึงเกิดลักษณะเบี้ยวเอียง
- การเลือกวางตำแหน่งซิลิโคนไม่เหมาะสม ผิดตำแหน่ง ซิลิโคนไม่แนบกับฐานจมูก
- ขนาดรูปทรงซิลิโคนไม่พอดีกับฐานจมูก ทำให้ซิลิโคนเกิดอาการเอียง ตึง จมูกดูย้อยได้
- เกิดการกระแทก ชน หรือประสบอุบัติเหตุอย่างรุนแรงหลังศัลยกรรม
4.จมูกเสียรูปทรง จากการร้อยไหมจมูก
การร้อยไหมจมูกอาจจะไม่ได้ให้รูปทรงตามที่ต้องการ และการร้อยไหมจมูกจะให้ผลลัพธ์เพียงชั่วคราว ต้องร้อยไหมซ้ำ ๆ ทุก 6 เดือน – 1 ปี ปัญหาที่เกิดตามมาจากการร้อยไหมจมูก มักก่อให้เกิดพังพืด ดึงรั้งเนื้อจมูก ทำให้จมูกเสียทรงจนต้องกลับมาทำการแก้ไขโดยการศัลยกรรมจมูกในภายหลัง
5.เคยฉีดซิลิโคนเหลวที่จมูก ฉีดฟิลเลอร์จมูก หรือสารเหลวอื่นๆที่จมูก
การฉีดซิลิโคนเหลว หรือฟิลเลอร์ที่จมูก ช่วงแรกอาจจะให้ทรงที่สวยงามได้รูป แต่ในระยะยาว ซิลิโคนเหลวอาจไหลไปอยู่ในตำแหน่งที่ไม่เหมาะสม จนทำให้จมูกเสียทรง หรือทำให้เกิดพังผืดได้ ซึ่งต้องมาทำการรักษาโดยการขูดซิลิโคนออก จึงทำการเสริมจมูกใหม่ได้อีกครั้ง
6. รูปทรงจมูกมีปัญหา
ในบางครั้งการเสริมจมูกอาจไม่ได้รูปทรงที่ถูกใจ เช่น สันจมูกเป็นแท่ง แข็ง ดูไม่เป็นธรรมชาติ ปลายจมูกสั้น หรือเชิดจนเกินไป หรือรูจมูกผิดรูป โดยสาเหตุหลัก ๆ มักเกิดจากการใช้ซิลิโคนจมูกแบบสำเร็จรูป แพทย์ไม่ชำนาญในการเหลาตกแต่งซิลิโคนจมูก ทำให้จมูกออกมาไม่พอดีกับรูปหน้า ไม่ส่งผลเสียต่อร่างกาย แต่อาจทำให้เกิดสูญเสียความไม่มั่นใจได้ค่ะ
เมื่อเกิดอาการข้างต้น ควรรีบเข้ามาปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และทำการรักษาให้ทันท่วงทีก่อนที่จมูกจะมีอาการทะลุ หากปล่อยไว้นานจนเกิดอาการอักเสบ ติดเชื้อรุนแรง จนทำให้แก้ไขได้ยากจะต้องใช้ระยะเวลาในการพักฟื้นที่นาน เพราะต้องถอดซิลิโคนพัก อย่างน้อย 3 – 6 เดือน เพื่อให้เนื้อเยื่อได้ซ่อมแซมตัวเอง และ สร้างเนื้อเยื่อใหม่ขึ้นมาทดแทนเนื้อเยื่อเดิมที่ถูกทำลายไป โดยปัญหาเหล่านี้สามารถแก้ไขได้ด้วยเทคนิคการเสริมจมูกแบบเปิด
การแก้จมูกของผู้ที่เคยทำจมูกมาแล้ว ควรใช้วิธีไหน?
เทคนิคที่คนมักนิยมสำหรับการแก้จมูก คือ การเสริมจมูกแบบเปิด (Open Rhinopasty) ซึ่งเป็นการผ่าตัดเปิดโครงสร้างของจมูก ทำให้แพทย์สามารถมองเห็นโครงสร้างจมูกได้อย่างชัดเจน ทำให้สามารถวิเคราะห์ปัญหาได้อย่างตรงจุด และสามารถแก้ไขรูปทรงจมูกได้หลากหลายมากกว่าการศัลยกรรมด้วยเทคนิคอื่น โดยการเสริมจมูกแบบเปิด สามารถแก้ไขปัญหาได้ทุกปัญหา เช่น จมูกใหญ่ จมูกงุ้ม จมูกมีฮัมพ์ ปลายจมูกสั้น แก้ปลายจมูกบางจากการเสริมจมูกเทคนิคแบบปิด หรือต้องการให้จมูกดูโด่งขึ้นก็สามารถทำได้เช่นกัน
ข้อดีของการทำจมูกแบบโอเพ่น
- แพทย์สามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างตรงจุด เพราะเห็นโครงสร้างจมูกชัดเจน ลดโอกาสในการ เบี้ยว เอียง ทะลุ
- ผลลัพธ์ที่ได้ถาวร และดูเป็นธรรมชาติ
- แก้ไขปัญหารูปทรงของจมูกได้ทุกรูปแบบ
- เหมาะกับคนเนื้อจมูกน้อย เพราะเป็นการยืดผนังกั้นจมูก ทำให้ปลายพุ่งขึ้นได้มากกว่าการเสริมแบบปิด
ข้อเสียของการทำจมูกแบบโอเพ่น
- เป็นการผ่าตัดที่มีค่าใช้จ่ายสูง
- ใช้เวลาในการผ่าตัดนาน ขึ้นอยู่กับความยากง่ายของแต่ละเคส
- จำเป็นต้องใช้แพทย์ที่มีประสบการณ์ และความเชี่ยวชาญของแพทย์ค่อนข้างมาก เนื่องจากเป็นการผ่าตัดที่มีความเสี่ยงสู
- ใช้ระยะเวลาพักฟื้นนานกว่าเทคนิคอื่น
การเตรียมตัวก่อนแก้จมูกแบบโอเพ่น
- ตรวจสภาพร่างกายอย่างละเอียด และต้องแจ้งให้แพทย์ให้ทราบถึงประวัติการแพ้ยา โรคประจำตัว หรือตัวยาที่รับประทานอยู่เป็นประจำ
- งดทานวิตามินทุกชนิดก่อนการผ่าตัดเสริมจมูกอย่างน้อย 1 – 2 สัปดาห์ โดยเฉพาะวิตามินที่ส่งผลต่อการแข็งตัวของเลือด เช่น วิตามินอี, น้ำมันปลา, น้ำมันมะพร้าว, น้ำมันรำข้าว, โสม, เมล็ดองุ่น, ใบแปะก๊วย เป็นต้น
- ควรงดน้ำ และอาหาร 6 – 8 ชั่วโมงก่อนการผ่าตัด เนื่องจากระหว่างผ่าตัดคนไข้อาจมีการสำลักอาหาร หรือน้ำได้นั่นเองค่ะ แต่สำหรับการฉีดยาเฉพาะที่ไม่จำเป็นต้องงดน้ำ และอาหารก็ได้ค่ะ
- ควรงดสูบบุหรี่ หรือเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ทุกชนิดอย่างน้อย 1 – 2 สัปดาห์ก่อนทำการผ่าตัด
- งดทานอาหารประเภทของหมักดอง และอาหารทะเล เนื่องจากจะส่งผลทำให้แผลบวม และหายได้ช้ากว่าปกติ
- งดใส่คอนแทคเลนส์ในวันผ่าตัด
- ควรสระผมให้สะอาดเรียบร้อยก่อนวันผ่าตัด และงดแต่งหน้าในวันผ่าตัด
การดูแลหลังแก้จมูกแบบโอเพ่น
- ใน 48 ชั่วโมงแรกแนะนำให้ประคบเย็น เพื่อลดบวม และหลังจาก 2 วันแรกให้เริ่มประคบอุ่นได้
- ควรนอนศีรษะยกสูง เพื่อให้แผลผ่าตัดหายยุบบวมได้เร็วขึ้น ในช่วง 2 สัปดาห์แรกงดการนอนคว่ำและนอนตะแคง เพราะอาจส่งผลทำให้รูปทรงจมูกเคลื่อน หรือผิดรูปได้ค่ะ
- หลีกเลี่ยงการใส่แว่นในช่วง 4 สัปดาห์แรก เนื่องจากบริเวณที่รองจมูกอาจกดทับ หรือบีบรัดจนทำให้จมูกผิดรูปได้ค่ะ
- งดเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ และของหมัก ดอง ทุกชนิด
- หลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมที่ส่งผลกระทบต่อจมูก เช่น การออกกำลังกาย การวิ่ง การสั่งน้ำมูก การว่ายน้ำ เป็นเวลา 8 สัปดาห์
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสบริเวณจมูกแรง ๆ งดการกด จับ แกะ แคะ เกาบริเวณจมูก
- สามารถใช้ยารักษาแผลเป็นได้หลังจากแผลแห้งสนิทแล้วเท่านั้น โดยสามารถเริ่มใช้ได้ ตั้งแต่ 10 – 14 วันหลังผ่าตัด