แก้จมูก ที่ไหนดี สิ่งที่ควรรู้ก่อนศัลยกรรมจมูกผิดรูป คด เอียง
แก้จมูกที่ไหนดี ? คำถามยอดฮิตสำหรับปัญหาจมูกผิดรูปคด, จมูกใกล้ทะลุ, ซิลิโคนเบี้ยวเอียง กับสิ่งที่ควรรู้ก่อนก่อนศัลยกรรมแก้จมูก เพราะถ้าไม่รีบแก้ให้หายเป็นปกติ อาจทำให้ติดเชื้อและส่งผลกระทบระยะยาวได้ ฉะนั้นการเลือกสถานพยาบาลที่ได้มาตรฐาน มีทีมแพทย์ที่มีประสบการณ์ในยุคสมัยนี้จึงเป็นสิ่งที่คนไข้ควรไตร่ตรองก่อนตัดสินใจเข้าใช้บริการนะครับ
แก้จมูก ที่ไหนดี ?
สำหรับสถานพยาบาลที่คนไข้จะเข้าไปใช้บริการ ศัลยกรรมแก้จมูกนั้นควรพิจารณาจากปัจจัยต่าง ๆ ดังนี้
- สถานพยาบาลเปิดอย่างถูกต้องมีมาตรฐาน มีใบอุญาตประกอบกิจการอย่างถูกต้องจากกระทรวงสาธารณะสุข โดยมีป้ายชื่อโรงพยาบาล และเลขที่อนุญาต 11 หลักติดอยู่บริเวณที่สามารถสังเกตได้ง่าย รวมถึงบรรยากาศ ความสะอาดต้องปลอดโปร่ง
- ทีมแพทย์ต้องมีประสบการณ์ มีความสมารถด้านการศัลยกรรม มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ สามารถตรวจสอบได้โดยเขียนชื่อ-นามสกุลจริง ผ่านเว็บไซต์แพทย์สภา https://checkmd.tmc.or.th/ และควรหลีกเลี่ยงการใช้บริการจากหมอกระเป๋า หรือผู้ที่แอบอ้างว่าตนเองเป็นหมอ เพื่อความปลอดภัยของคนไข้ครับ
- วัสดุอุปกรณ์ทางการแพทย์ หรือซิลิโคนแก้จมูก ต้องมีคุณภาพ ปลอดภัย ผ่านการรับรองจาก FDA หรือ อย. ของประเทศผู้ผลิต เพื่อลดความเสี่ยงแทรกซ้อนต่าง ๆ และภาวะติดเชื้อจากอาการแพ้
- การเลือกเทคนิคในการศัลยกรรมจมูกไม่ว่าจะเป็น การแก้จมูกแบบปิด (Closed Rhinoplasty) และการแก้จมูกแบบเปิด (Open Rhinoplasty) ควรปรึกษาแพทย์ผู้มีประสบการณ์โดยตรง เนื่องจากแพทย์จะประเมินโครงสร้างจมูก และให้คำแนะนำว่ารูปทรงจมูกของคนไข้ควรแก้ด้วยเทคนิคใดจึงจะเหมาะกับใบหน้ามากที่สุด
- มีรีวิวที่มีความน่าเชื่อถือจากผู้เข้าใช้บริการจริงตั้งแต่ บุคคลทั่วไป, ดารา, อินฟลูเอนเซอร์ ต้องมีโปรโมชั่น และราคาทำหัตถการที่มีเหตุผลรองรับสามารถอธิบายค่าใช้จ่ายในส่วนต่าง ๆ ให้แก่คนไข้ได้เข้าใจอย่างละเอียด นอกจากนี้ควรมีรูปภาพรีวิวทั้งก่อน – หลัง และมีวิดีโอภาพเคลื่อนไหวระหว่างทำศัลยกรรมได้ดู รวมถึงการติดตามผลลัพธ์หลังจากศัลยกรรม เพื่อสร้างความไว้วางใจ และเชื่อมั่นจนกว่าคนไข้จะได้รูปทรงจมูกสวยตามความต้องการครับ
6 สัญญาณเตือนที่ควรรีบแก้จมูก
สัญญาณเตือนของจมูกที่คนไข้ควรเฝ้าระวังให้ดี ถ้าไม่รีบเข้ารับคำปรึกษาจากแพทย์ผู้มีประสบการณ์ด้านการศัลยกรรมจมูก อาจทำให้สูญเสียรูปทรงจมูกไปได้อย่างถาวรกับ 6 สัญญาณเตือนว่าควรรีบแก้จมูกดังนี้
- ซิลิโคนเบี้ยว : อาการซิลิโคนเบี้ยวมักเกิดหลังจากคนไข้เสริมจมูกมาแล้วประมาณระยะหนึ่ง ซึ่งรูปทรงจะเริ่มบิดเบี้ยว คด หรือเอียงไปด้านใดด้านหนึ่ง และบางครั้งอาจมีอาการบวมร่วมด้วย
- บริเวณปลายจมูกแดง : หากเริ่มรู้สึกว่าบริเวณปลายจมูกบาง มีสีแดงใส หรืออาจเห็นเป็นซิลิโคนแบบชัดเจน เกิดจากเนื้อจมูกมีลักษณะบางและไม่ได้เสริมจมูกโดยรองปลาย
- ซิลิโคนลอย : เมื่อไหร่ที่สังเกตเห็นแท่งซิลิโคนได้ชัดเจน เช่น สามารถบิดไปมาจนเห็นขอบซิลิโคนลอย ๆ แนะนำให้รีบพบแพทย์โดยด่วนครับ เพราะอาจทำให้ซิลิโคนทะลุได้
- ซิลิโคนทะลุ : เมื่อไหร่ที่มีซิลิโคนแท่งสีขาว ๆๆ โพล่ออกมาจากจมูก ไม่ว่าจะเป็นบริเวณ ระหว่างคิ้ว หรือปลายจมูก ห้ามสัมผัส จับ แตะ โดยเด็ดขาด ให้รีบไปพบแพทย์ทันทีที่สังเกตเห็น หากปล่อยทิ้งไว้อาจทำให้ติดเชื้อและอันตรายต่อชีวิตได้ครับ
- มีก้อนบนสันจมูก : สาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากมีหินปูน หรือผังผืดมาเกาะ จนอาจทำให้ซิลิโคนมีผิวขรุขระไม่เรียบเนียน จนอาจทำให้สังเกตเห็นความนูน และก้อนตะปุ่มตะป่ำได้
- ปลายจมูกสะท้อนแสง : ถ้าสังเกตเห็นความผิดปกติบริเวณปลายจะว่าสามารถสะท้อนแสงได้ หรือรู้สึกว่าแวววาวกว่าปกติ อาจมีความเสี่ยงที่ซิลิโคนทะลุได้ แนะนำให้รีบเข้ารับคำปรึกษาแพทย์โดยทันที
แก้จมูกควรเลือกเสริมด้วยเทคนิคอะไร
การแก้จมูกจะมีเทคนิคหลักอยู่ 2 รูปแบบคือ การแก้จมูกแบบโอเพ่นหรือแบบเปิด (Open Rhinoplasty) และการแก้จมูกแบบปิด (Closed Rhinoplasty) ซึ่งทั้งสองเทคนิคนั้นมีขั้นตอนการผ่าตัดที่แตกต่างกัน ดังนั้นจึงควรเข้ารับคำปรึกษากับแพทย์โดยตรงก่อน เพราะแพทย์สามารถประเมินโครงสร้างใบหน้า และวิเคราะห์รูปทรงจมูกที่เหมาะให้กับคนไข้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- การแก้จมูกแบบโอเพ่น (Open Rhinoplasty)
การแก้จมูกเทคนิคโอเพ่น (Open Rhinoplasty) นั้นจะเหมาะกับคนไข้ที่มีปัญหาโครงสร้างจมูกซับซ้อน เนื่องจากจะต้องทำการผ่าตัดเปิดแผลบริเวณฐานจมูก เพื่อให้แพทย์สามารถเห็นโครงสร้างทั้งหมดภายในจมูก จนรู้ถึงสาเหตุของปัญหา และหาวิธีแนวทางรักษาได้อย่างละเอียด ถึงแม้ว่าะใช้เวลาในการผ่าตัดที่นาน และมีค่าใช้จ่ายที่สูงแต่ก็สามารถแก้ปัยหาได้หลายรูปแบบเช่น จมูกคด, จมูกเบี้ยวเอียง, จมูกผิดรูป, จมูกสั้น, หรือรูจมูกไม่เท่ากัน จึงได้รับความนิยมในกลุ่มคนที่ต้องแก้จมูกอย่างมากครับ
- การแก้จมูกแบบปิด (Closed Rhinoplasty)
การแก้จมูกเทคนิคปิด (Closed Rhinoplasty) จะเป็นการผ่าตัดเปิดแผลที่รูจมูกข้างใดข้างหนึ่ง และนำซิลิโคนเสริมเข้าไปตามแนวฐานกระดูก โดยแพทย์อาจมีการตะไบ หรือเหลาซิลิโคนเพื่อปรับแต่งให้เข้ากับรูปทรงใบหน้าจนได้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ แต่ทว่าเทคนิคนี้จะเหมาะกับคนไข้ที่มีเนื้อจมูกเดิมเยอะ และไม่ต้องผ่าตัดปรับโครงสร้างจมูกส่วนอื่น รวมถึงอาจใช้เนื้อเยื่อ หรือกระดูกอ่อนเสริมรองปลายจมูกให้มีความแข็งแรงทนทาน ทำให้ลดโอกาสจมูกทะลุได้
รวมรีวิวเคสแก้จมูกคนดัง
รีวิวเคสแก้จมูกเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่สามารถสร้างความน่าเชื่อถือ และความไว้วางใจให้แก่คนไข้ที่มาเข้าใช้บริการ โดยรีวิวต้องไม่เติมแต่งจนดูแปลกปลอม ควรอ้างอิงตามความจริงคือก่อนทำศัลยกรรม และหลังจากทำศัลยกรรมแก้จมูกมีความแตกต่างกันอย่างไรบ้าง
เคสแก้จมูกโดย นพ.โฆษิต เอี้ยวฉาย (หมอเบนซ์มาสเตอร์พีช)
ขั้นตอนการเตรียมตัวก่อนแก้จมูก
การเตรียมตัวก่อนเข้ารับการศัลยกรรมแก้จมูกนั้นเป็นปัจจัยที่สำคัญอย่างมากกับตัวคนไข้เอง เพราะเป็นการเตรียมร่างกายและจิตใจให้พร้อม โดยแพทย์จะมีข้อปฏิบัติง่าย ๆ หลังจากเข้ารับคำปรึกษาแล้วดังนี้
- ควรแจ้งให้แพทย์ทราบทุกครั้งเกี่ยวกับโรคประจำตัว ยาที่รับประทานเป็นประจำก่อนเข้ารับการผ่าตัด
- งดยากลุ่มแอสไพริน และNSAIDs เพราะส่งผลทำให้เลือดแข็งตัวช้ากว่าปกติ
- งดการรับประทานอาหารเสริม วิตามินต่าง ๆ อย่างน้อย 1 สัปดาห์ เพื่อป้องกันการกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด อาจทำให้เลือดไหลไม่หยุดขณะผ่าตัดได้
- งดการสูบบุหรี่ หรือดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิดอย่างน้อย 1 สัปดาห์ เพราะส่งผลทำให้แผลหายได้ช้า และมีโอกาสเป็นคีลอยด์ได้
- งดการแต่งหน้าทำผม หรือเมคอัพหน้ามาในวันนัดผ่าตัด เพราะแผลผ่าตัดสามารถติดเชื้อได้หากล้างทำความสะอาดไม่หมด
- ควรรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ และนอนพักผ่อนให้เพียงพอก่อนเข้ารับการผ่าตัด เพราะจะช่วยทำให้สภพายร่างกาย และจิตใจที่ดีก่อนเข้ารับการผ่าตัด
- งดน้ำและอาหารในวันนัดผ่าตัดอย่างน้อย 8 ชั่วโมง เพื่อป้องกันภาวะสำลักน้ำและอาหารผ่านทางหลอดลม
ขั้นตอนผ่าตัดแก้จมูก
ขั้นตอนการผ่าตัดแก้จมูกนั้น จะขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์ว่าจะเลือกใช้เทคนิคใดในการแก้ปัญหา เพราะทั้งสองเทคนิคมีความแตกต่างกันทั้งเรื่องของระยะเวลา วัสดุอุปกรณ์ และราคาค่าใช้จ่าย แต่โดยรวมแล้วนั้นจะมีขั้นตอนดังนี้
ขั้นตอนการแก้จมูกด้วยเทคนิคโอเพ่น (Open Rhinoplasty)
- แพทย์จะทำการฉีดยาชา และให้วิสัญญีแพทย์วางยาสลบ เนื่องจากการแก้จมูกเทคนิคโอเพ่นจะมีความซับซ้อน และใช้เวลาผ่าตัดค่อนข้างนาน
- แพทย์จะเริ่มทำการเหลาซิลิโคน หรือตะไบสัดส่วนให้เหมาะกับโครงสร้างจมูกของแต่ละบุคคล
- ผ่าตัดเปิดแผลบริเวณฐานจมูก เพื่อให้เห็นโครงสร้างภายในจมูกก่อนปรับแก้ตามดุลยพินิจของแพทย์
- เมื่อเสร็จแล้วจะใช้ไหมละลายเย็บปิดแผล และประเมินความเรียบร้อยของจมูก
( บางกรณีอาจมีการรองปลายจมูกด้วยเนื้อเยื่อเทียม – กระดูกอ่อนหลังใบหู เพื่อป้องกันจมูกทะลุ)
ขั้นตอนการแก้จมูกด้วยเทคนิคปิด (Closed Rhinoplasty)
- แพทย์จะทายาชา เพื่อบล็อคเส้นประสาทรับความรู้สึกบริเวณตำแหน่งที่จะผ่าตัด เพื่อไม่ให้คนไข้รู้สึกเจ็บปวดขณะผ่าตัด โดยรอยาออกฤทธิ์ประมาณ 20 – 30 นาที
- ระหว่างรอยาชาออกฤทธิ์ แพทย์จะทำการเหลาซิลิโคนตามความต้องการของคนไข้และปรับแต่งให้เข้ากับรูปทรงใบหน้าของคนไข้อย่างประณีต
- แพทย์จะทำการกรีดเปิดแผลภายในจมูก 1 ข้างเพื่อนำซิลิโคนใส่เข้าไปตามแนวฐานกระดูก และปรับสัดส่วนให้พอดี เดียวไม่ให้ซิลิโคนเบี้ยวเอียง หรือผิดรูป โดยอาจสอบถามความพอใจกับคนไข้ก่อน
- เมื่อพอใจในผลลัพธ์แล้วแพทย์จะทำการเย็บปิดแผลโดยใช้ไหมละลาย เป็นอันเสร็จการผ่าตัดแก้จมูกแบบปิด หลังจากนี้จะเป็นการเฝ้าระวังจนกว่าจะนัดให้คนไข้มาตัดไหมประมาณ 2 สัปาดห์
วิธีดูแลตัวเองหลังผ่าตัดแก้จมูก
เมื่อผ่านขั้นตอนการผ่าตัดมาแล้ว ลำดับถัดมาก็คือวิธีการดูแลตัวเองซึ่งคนไข้หลายคนมักมองข้ามในส่วนนี้ จนทำให้เกิดปัญหาตามมาได้ภายหลัง แพทย์จะแนะนำให้ปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดเพื่อให้ผลลัพธ์ของจมูกออกมาดูดีและมีประสิทธิสูงสุด โดยมีวิธีการดูแลดังนี้
- แนะนำให้รับประทานยาตามแพทย์สั่งจนกว่าจะหมด หรือแผลหายเป็นปกติ
- ในช่วง 3 วันแรกแนะนำให้ประคบเย็นบริเวณรอบ ๆ แผลผ่าตัดเพื่อลดอาการบวมลงได้
- 1 สัปดาห์หลังจากผ่าตัดแนะนำให้ประคบอุ่น แทนประคบเย็นบริเวณรอบ ๆ แผลผ่าตัด เพื่อลดอาการบวมช้ำ
- แนะนำให้ใช้หมอนรองคอนอนในช่วงแรก หรือนอนหมอนสูงกว่าปกติ เพื่อลดอาการบวมช้ำได้
- หลีกเลี่ยงการนอนคว่ำ นอนหงาย หรือนอนตะแคงจนกว่าแผลจะหายเป็นปกติ เพราะอาจส่งผลทำให้จมูกผิดรูป หรือซิลิโคนเคลื่อนตำแหน่งได้
- ควรทำความสะอาดแผลเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอ ตามคำแนะนำของแพทย์
- หลีกเลี่ยงไม่ให้แผลผ่าตัดโดนน้ำโดยตรง เช่นงดอาบน้ำ ล้างหน้า ให้เปลี่ยนเป็นการเช็ดทำความสะอาด หรือใช้กระดาษซับมันในช่วงแรก เพื่อป้องกันการติดเชื้อ
- หลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมต่าง ๆ เช่น ออกกำลังกาย, มีเพศสัมพันธ์, หรือยกของหหนัก เพราะอาจทำให้จมูกเกิดการกระทบกระเทือนจนผิดรูปได้
- ห้ามสัมผัส แคะ แกะ เกา กด แตะ บีบ จับ บริเวณจมูกโดยเด็ดขาด
- งดรับประทานของหมักดอง อาหารทะเล อาหารรสจัด ประมาณ 1 เดือน เนื่องจากจะส่งผลทำให้แผลหายได้ช้า
สรุปเรื่อง แก้จมูก ที่ไหนดี
แก้จมูกที่ไหนดี แม้ว่าจะมีสถานพยาบาลหลายที่ให้บริการอยู่มากก็ตาม คนไข้ก็ควรศึกษาข้อมูลหรือตรวจสอบจากปัจจัยต่าง ๆ ให้ละเอียด ซึ่งสื่งที่ควรพิจารณาให้ดีก่อนตัดสินใจว่าจะทำที่ไหนดีนั้น คือสถานพยาบาลต้องมีมาตรฐาน ทีมแพทย์มีประสบการณ์, ราคาโปรโมชั่นชัดเจน, รีวิวมีความน่าเชื่อถือ, วัสดุอุปกรณ์ผ่านการรับรองจากอย. เพื่อให้การศัลยกรรมแก้จมูกมีผลลัพธ์ที่ดีเหมาะกับรูปทรงใบหน้า และคลายความกังวลเกี่ยวกับปัญหาจมูกผิดรูป จมูกคด จมุกทะลุที่จะตามมาภายหลังนั่นเองครับ
คำถามที่พบบ่อย
Q : เคสแก้จมูกต้องรอนานไหม
A : หากคนไข้เคยผ่านการเสริมจมุกมาก่อน แล้วรู้สึกไม่ถูกใจกับรูปทรง หรือเจอปัญหาต่าง ๆ เช่น จมูกทะลุ ซิลิโคนเบี้ยวเอียง จมูกคดผิดรูป แล้วต้องการแก้จมูกใหม่แต่อยากทราบว่าต้องรอนานแค่ไหนถึงจะแก้ได้นั้น แพทย์ผู้มีประสบการณ์ส่วนใหญ่จะให้คำแนะนำว่า ควรรออย่างน้อยประมาณ 3 – 6 เดือน เพื่อให้แผลผ่าตัดหายดี หรือให้เนื้อเยื่อและเส้นเลือดสมานกลับมาเป็นปกติก่อน จึงจะสามารถทำการแก้จมูกได้ แต่บางกรณีก็อาจจะต้องใช้เวาลารอนานถึง 1 ปี เนื่องจากการซ่อมแซมสภาพร่างกาย และวิธีการดูแลรักษาของแต่ละคนอาจไม่สม่ำเสมอเท่ากันครับ
Q : แก้จมูก กี่วันถอดเฝือกได้ ?
A : หลังจากแก้จมูกเสร็จแล้ว แน่นอนว่าคงมีหลายคนตั้งข้อสงสัยว่า ทำไมต้องแปะแผ่นขาว ๆ บริเวณสันจมูก จริง ๆ แล้วมันคืออะไรกันแน่ เพราะบางคนก็เรียก เฝือกจมูก, เฝือกอ่อน, พลาสเตอร์ แล้วต้องใช้เวลากี่วันถึงถอดเฝือกออกได้
เฝือกสำหรับใช้ในการศัลยกรรมนั้นจะมีทั้ง โลหะ โฟมนุ่ม และพลาสติก ซึ่งส่วนใหญ่จะนำมาใช้แปะจมูกหลังผ่าตัดเสร็จ เนื่องจากมีความอ่อนโยนต่อผิว และมีความทนทานสูงไม่ก่อให้เกิดอาการระคายเคืองได้ง่าย โดยแพทย์จะติดไว้หลังจากผ่าตัดแก้จมูกเสร็จ และสามารถนำออกได้ประมาณ 5 – 7 วันหลังจากผ่าตัด หรือขึ้นอยู่กับรูปทรงจมูกว่าเริ่มเข้าทีหรือยังนั่นเองครับ
Q : ต้องดมยาสลบไหม ถ้าแก้จมูก
A : การแก้จมูกสามารถทำได้ 2 เทคนิค โดยถ้าคนไข้แก้จมูกด้วยเทคนิคปิด (Closed Rhinoplasty) จะเป็นการทายาชาบริเวณที่จะผ่าตัด แต่ถ้าเป็นการใช้เทคนิคโอเพ่น (Open Rhinoplasty) แพทย์จะแนะนำให้ดมยาสลบ เนื่องจากต้องผ่าตัดแก้ไขโครงสร้างภายในจมูกอาจทำให้ใช้ระยะเวลานานกว่าการผ่าตัดแบบปิด และป้องกันอาการเจ็บปวดให้แก่คนไข้ได้อีกด้วยครับ
Q : เคสแก้จมูก กี่วัน จึงหายบวม ?
A : หลังจากแก้จมูกมาแล้วแพทย์จะแนะนำวิธีการดูแลตัวเอง พร้อมเน้นย้ำให้ปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีต่อตัวคนไข้เอง ซึ่งหนึ่งในคำแนะนำจะมีแนวทางป้องกัน และลดอาการบวมอยู่หลายอย่าง เช่น ประคบเย็น, ประคบอุ่น, นอนหมอนสูงใช้หมอนรองคอ และกินยาตามแพทย์สั่ง หากปฏิบัติตามอย่างสม่ำเสมออาการบวมจะค่อย ๆ ดีขึ้นและหายไปได้เองภายใน 1 – 2 สัปดาห์ครับ