ศัลยกรรมเสริมขมับด้วยซิลิโคนปรับโครงหน้าถาวร
หน้าผากเป็นอวัยวะอย่างหนึ่งที่สามารถส่งผลทำให้รูปร่างใบหน้าดูไม่เรียบเนียน ซึ่งในแต่ละบุคคลก็จะมีรูปทรงหน้าผากที่แตกต่างกันออกไป เช่น หน้าผากกว้าง, หน้าผากแคบ, หน้าผากสูง, หน้าผากแบน, หน้าผากยุบ, หน้าผากบุ๋ม, หน้าผากนูน หากใครที่กำลังเผชิญกับปัญหาต่าง ๆ ก็อาจทำให้เกิดความกังวล ขาดความมั่นใจ การศัลยกรรมเสริมขมับด้วยซิลิโคนจึงเข้ามามีบทบาท เพราะสามารถช่วยปรับสัดส่วนของใบหน้าให้กลับมาดูดี มีมิติ อ่อนเยาว์ได้อย่างเด่นชัดครับ
เสริมขมับด้วยซิลิโคนคืออะไร?
การเสริมขมับด้วยซิลิโคน (Temporal augmentation) เป็นหนึ่งในการผ่าตัดศัลยกรรมความงามที่ช่วยลดปัญหาขมับตอบ, ขมับยุบ, หรือขมับบุ๋ม โดยการใช้นวัตกรรมอย่างซิลิโคนแผ่นสำเร็จรูปที่มีรูปร่างใกล้เคียงกับช่องว่างของขมับมาเสริมเข้าไปใต้ผิวหนังบริเวณขมับ
ซึ่งซิลิโคนแผ่นที่ใช้เสริมขมับในปัจจุบันมีความนุ่ม และยืดหยุ่นสูง สามารถเกาะกับชั้นกระดูกได้เป็นอย่างดี ไม่ทำให้ซิลิโคนเบี้ยวเอียงหลังผ่าตัด แถมยังมีขนาดรูปร่างที่ใกล้เคียงกับช่องว่างของขมับ ทำให้การผ่าตัดนั้นง่ายสะดวกรวดเร็ว เป็นการผ่าตัดที่มีแผลขนาดเล็ก เจ็บน้อย การเสริมขมับด้วยซิลิโคนจะสามารถช่วยแก้ปัญหาขมับตอบ ขมับยุบ ขมับบุ๋มได้ ดังนี้
- ลดความคมชัดของโหนกแก้ม
- ช่วยทำให้ใบหน้ามีความละมุน และดูอ่อนหวานมากขึ้น
- ทำให้มีใบหน้าเอิบอิ่ม แลดูอ่อนเยาว์
การผ่าตัดเสริมขมับด้วยซิลิโคนใช้เวลาประมาณ 1-2 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับสภาพความพร้อมของคนไข้ โดยแพทย์จะทำการผ่าตัดภายใต้การดมยาสลบ แผลผ่าตัดจะอยู่บริเวณเหนือใบหู แพทย์จะซ่อนแผลให้อยู่ในไรผม เพื่อให้แผลเป็นไม่เด่นชัด หลังผ่าตัดคนไข้จะมีอาการบวมช้ำบริเวณขมับประมาณ 2 – 3 สัปดาห์ จากนั้นอาการบวมจะค่อย ๆ บรรเทาลง และหายเป็นปกติได้เองภายใน 1 – 2 เดือนครับ
ข้อดีของการเสริมขมับด้วยซิลิโคน
ขมับเป็นบริเวณที่สำคัญของใบหน้า เพราะสามารถช่วยกำหนดรูปร่างใบหน้า พร้อมสร้างความสมดุลให้กับใบหน้าได้อย่างหลายมิติ หากขมับตอบ หรือยุบ จะทำให้ใบหน้าดูแก่กว่าวัย แถมยังไม่สมดุล ฉะนั้นการเสริมขมับด้วยซิลิโคนจึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ช่วยแก้ปัญหาขมับตอบยุบได้อย่างมีประสิทธิภาพ และได้ผลลัพธ์ที่ถาวร โดยการเสริมขมับมีข้อดีอะไรบ้างไปดูกัน
- ซิลิโคนที่นำมาใช้สามารถปรับให้เข้ากับรุปทรงใบหน้าของแต่ละบุคคลได้
- ซิลิโคนมีมาตรฐานสูง จึงทำให้ผลลัพธ์อยู่ได้อย่างถาวร
- หากไม่พึงพอใจในผลลัพธ์ คนไข้สามารถผ่าตัดเพื่อปรับเปลี่ยนซิลิโคนได้ตามความต้องการ
- แผลจากการผ่าตัดมีขนาดเล็ก ใช้ระยะเวลาพักฟื้นไม่นาน และไม่ก่อให้เกิดแผลเป็น
- ช่วยแก้ไขปัญหาบริเวณขมับได้อย่างตรงจุด เช่น ขมับตอบ ขมับยุบ หรือขมับบุ๋ม
- ช่วยเสริมทำให้โครงสร้างใบหน้าดูมีเสน่ห์ อ่อนเยาว์ลง และเพิ่มความสมดุลได้มากขึ้น
- จะไม่สามารถสังเกตเห็นแผลผ่าตัดบนใบหน้า เนื่องจากแผลจะซ่อนอยู่ตรงไรผม และมีเส้นผมปิดอยู่
- ใช้เวลาในการผ่าตัดไม่นาน ไม่เจ็บ และอาการบวมช้ำหายได้เร็ว
- ซิลิโคนมีความปลอดภัยและได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยา (FDA)
การศัลยกรรมเสริมขมับมีกี่วิธี
สำหรับคนไข้ที่กำลังพบกับปัญหาที่เกี่ยวกับขมับ เช่น ขมับยุบ ขมับบุ๋ม จนส่งผลทำให้ผิวเกิดการหย่อนคล้อยเร็วกว่าปกติ สามารถปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญได้โดยตรงเพื่อทำการรักษาด้วยเทคนิค และวิธีที่ถูกต้อง โดยการศัลยกรรมเสริมขมับนั้นจะมีวิธีการรักษาอยู่ด้วยกันหลัก ๆ 3 วิธีดังนี้
การฉีดฟิลเลอร์
ฟิลเลอร์เป็นสารเติมเต็มประเภท ไฮยาลูรอนิก แอซิด (Hyaluronic Acid : HA) ที่มีความบริสุทธิ์ถึงหนึ่งร้อยเปอร์เซ็นสามารถสลายไปได้เองตามธรรมชาติ จึงไม่มีสารตกค้างภายในร่างกายอย่างแน่นอน โดยการฉีดฟิลเลอร์ขมับเพื่อรักษาปรับโครงสร้างบริเวณขมับนั้น จะไม่ใช่การรักษาแบบถาวร โดยมีอายุอยู่ราว ๆ 8 – 12 เดือน แต่ไม่ต้องพักฟื้น ไม่มีอาการบวมช้ำครับ
การฉีดไขมัน
การฉีดไขมันขมับเป็นการดูดเซลล์ไขมันจากส่วนอื่นที่มีการสะสมของไขมันอยู่มาก ๆ นำมาฉีดบริเวณขมับส่วนที่มีปัญหา จะช่วยทำให้ขมับสมส่วนได้รูปทรง เนื่องเป็นการใช้เซลล์ไขมันของคนไข้เองจึงทำให้ผลลัพธ์สามารถอยู่ได้ถาวร แต่ถึงอย่างไรวิธีนี้ก็ยังมีข้อจำกัดเพราะเซลล์ไขมันที่นำไปฉีดจะติดได้ไม่หมด ต้องอาศัยความเชี่ยวชาญของแพทย์ ถ้าเทคนิคการฉีดไม่ดีอาจต้องฉีดซ้ำในภายหลัง
ผ่าตัดเสริมขมับด้วยซิลิโคน
การผ่าตัดเสริมขมับด้วยซิลิโคนสำเร็จรูปเป็นนวัตกรรม และเทคนิคสมัยใหม่ที่ได้รับความนิยมอย่างมาก เนื่องจากเป็นการผ่าตัดให้ขมับมีรูปร่างใกล้เคียงกับแบบเดิม ใช้ระยะเวลาผ่าตัดไม่นาน รวมถึงแผลเป็นก็ซ่อนอยู่ภายใต้ไรผมทำให้มองไม่เห็น แถมยังมีอาการบวมช้ำน้อยกว่าการผ่าตัดแบบอื่น ๆ และถ้าไม่พึงพอใจสามารถผ่าตัดเอาออกได้ตามความต้องการของคนไข้ครับ
เสริมขมับด้วยซิลิโคนอันตรายไหม
สำหรับเรื่องที่คนไข้ให้ความสนใจอยากมากอย่าง การเสริมขมับด้วยซิลิโคนอันตรายไหมนั้น ต้องบอกตามตรงว่าไม่ต้องกังวล หรือคิดมากจนเกินไปนะครับ เพราะซิลิโคนที่นำมาใช้ผ่านการรับรองจากองค์การอาหารและยา (FDA) ทำให้มีความยืดหยุ่นสูง และไม่ส่งผลกระทบต่อร่างกายอย่างแน่นอน
หากผ่าตัดโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก็ยิ่งการันตีได้เลยว่า มีความปลอดภัย และได้ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจร้อยเปอร์เซ็น เนื่องจากซิลิโคนที่มีคุณภาพจะสามารถเข้ากับใบหน้าได้ทุกรูปแบบ เกาะกับชั้นกระดูกได้เป็นอย่างดีไม่มีเบี้ยว หรือเอียง อีกทั้งยังป้องกันไม่ทำให้แผลเกิดการติดเชื้อ และไม่ทำให้เกิดอันตรายแก่ผู้รับบริการหลังจากการผ่าตัดนั่นเองครับ